คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การผ่านหรือเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 แม้จะเป็นการใช้สิทธิในทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าของซึ่งผ่านหรือเข้าไปพ้นจากการเป็นผู้ทำละเมิด แต่เจ้าของที่ดินห้ามได้เสมอ เมื่อห้ามแล้วยังฝ่าฝืนก็ต้องตกเป็นผู้ละเมิด ถ้าไม่ห้ามและการผ่านหรือเข้าไปในที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจของตนเอง ถ้าเป็นเวลา 10 ปีหรือกว่า 10 ปีขึ้นไปที่ดินนั้นก็ต้องตกอยู่ในภาระจำยอม
ฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทกว้าง 4 ศอกฤดูทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวเท่านั้นใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร เป็นเวลา 10 ปี หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป ทางพิพาทย่อมตกเป็นภาระจำยอมในฤดูทำนากว้าง 1 ศอก ฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอกโจทก์เพิ่งได้เอากระบือไปทำนาและพากลับบ้านด้วย โดยผ่านทางพิพาทเป็นเวลา 2 ปี ไม่ทำให้ทางพิพาทตกเป็นภาระจำยอมเกินกว่า 1 ศอกเพื่อให้กระบือผ่านในฤดูทำนาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ครอบครัวโจทก์และบุคคลอื่นได้ใช้ทางในที่ดินจำเลย(ทางพิพาท) เดินและนำโคกระบือวัวเกวียนผ่านไปทำธุระกิจ และไปสู่ทางสาธารณอื่น ๆ กับกลับบ้านเป็นทางกว้างราว 5 ศอกเศษ มาไม่น้อยกว่า30 ปี โดยไม่ได้ถูกห้ามจนเป็นภารจำยอมแล้ว โจทก์จะไปทางอื่นก็ไม่ได้จึงเป็นทางจำเป็น เมื่อวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2504 จำเลยได้ล้อมรั้วปิดทางเดินดังกล่าว ขอให้ศาลบังคับจำเลยเปิดรั้วและห้ามไม่ให้จำเลยหวงห้ามขัดขวางต่อไป

จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ว่าวัวควายโจทก์ทำให้ข้าวกล้าและคันนาเสียหายได้บอกให้โจทก์เดินตามริมคลองเก่าไปออกทางสาธารณะหรือออกทางบ้านนายจำเนียรซึ่งเป็นที่ดินของจำเลย แล้วจำเลยจึงล้อมรั้ว โจทก์ไม่เคยผ่านนาจำเลยถึง 10 ปี โจทก์เคยขอนำ กระบือผ่านนอกฤดูทำนาก็ไม่ใช่ทางกว้างดังฟ้อง เป็นเพียงคันนา จึงไม่ใช่ภารจำยอม และโจทก์ไม่มีความจำเป็นที่จะผ่านนาจำเลย เพราะมีทางอื่นที่จะผ่านได้ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ทางพิพาทใช้มาหลายสิบปีแล้วฤดูแล้งคนทั่วไป วัวควาย ล้อเลื่อน ใช้ทางพิพาทได้กว้าง 4 ศอกฤดูทำนาเฉพาะคนอย่างเดียวใช้ทางพิพาทกว้าง 1 ศอก โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร พิพากษาให้จำเลยเปิดทางพิพาทในฤดูทำนากว้าง 1 ศอกฤดูนอกนั้นกว้าง 4 ศอก

โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยเปิดทางพิพาทในฤดูทำนาพอให้โจทก์นำควายผ่านได้กว้าง 2 ศอก

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลฎีกาฟังว่า เฉพาะบุคคลแล้วใช้ทางพิพาทเดินตลอดปีโดยประชาชนใช้ทางพิพาทมาหลายสิบปีแล้ว โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร และฟังว่าในฤดูทำนาโจทก์ใช้กระบือทำนาโดยยกคอกกระบือไปไว้ที่นาของโจทก์แต่ไม่ได้ยกไปราว 2 ปี คือ พ.ศ. 2502-2503 ดังนั้น ในฤดูทำนา พ.ศ. 2502, 2503 ไม่ว่าโจทก์จะได้นำกระบือผ่านนาจำเลยโดยไม่ได้ขออนุญาตจำเลยจริงหรือไม่ ก็ยังไม่ถึง 10 ปี ไม่เป็นเหตุให้ที่ดินจำเลย (รายพิพาท) ต้องตกอยู่ในภารจำยอมอันจะเป็นเหตุให้จำเลยต้องยอมรับกรรมให้นำกระบือผ่านได้ในฤดูทำนา

ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยห้ามโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 เป็นบทบัญญัติถึงแดนแห่งกรรมสิทธิ์และการใช้กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นเรื่องการใช้สิทธิในทรัพย สินของตนเองคือถ้าเจ้าของที่ดินได้กั้นที่ดินหรือที่ดินเป็นที่เพาะ เตรียมหว่านปลูกฯ อยู่แล้ว บุคคลใดจะพาปศุสัตว์ผ่านหรือเข้าไป ฯลฯ ไม่ได้มิฉะนั้นก็ผ่านเข้าไปได้ การผ่านหรือเข้าไปได้ตามกฎหมายมาตรานี้แม้จะเป็นกิริยาการใช้สิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น แต่ก็ทำให้ผู้ที่ผ่านหรือเข้าไปพ้นจากการเป็นผู้ทำละเมิดได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของห้ามได้เสมอ เมื่อห้ามแล้วฝ่าฝืนก็ต้องตกเป็นผู้ละเมิดถ้าเจ้าของที่ดินไม่ห้าม และการผ่านหรือเข้าไปในที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจของผู้ผ่านหรือเข้าไปเอง ถ้าเป็นเวลา 10 ปี หรือกว่านั้นขึ้นไป ที่ดินที่ถูกผ่านหรือเข้าไปก็ต้องตกเป็นภารจำยอมเมื่อเป็นภารจำยอมแล้ว จำเลยก็ห้ามโจทก์ผ่านหรือเข้าไปไม่ได้

เรื่องทางจำเป็นนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีของโจทก์ไม่ใช่กรณีที่ที่ดินของโจทก์ถูกล้อมจนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ไม่ทำให้โจทก์มีสิทธินำกระบือผ่านที่ดินจำเลยดังโจทก์อ้าง

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share