คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทราคา 5,100 บาท เป็นของโจทก์และเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ห้าพันหนึ่งร้อยบาท แต่ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยมิได้พิพาทกันทั้งแปลง คงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม้ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทมีราคาไม่เกินห้าพันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์ โดยพ่อตายกให้เมื่อ ๒๐ ปีมานี้ต่อมาจำเลยได้นำเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดโดยไม่มีอำนาจ และอ้างว่าเป็นของจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่านาที่พิพาทเดิมเป็นของมารดาจำเลย กว้าง ๒ เส้น ๑๐ วา ยาว ๓ เส้น จำเลยได้รับมรดกมา ๘ ปีแล้ว
ก่อนนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยแถลงรับว่าที่พิพาทนั้นปรากฏตามแผนที่ท้ายฟ้อง เฉพาะที่จำเลยต่อสู้นั้นคือที่ดินส่วนที่กว้าง ๒ เส้น ๗ วา ทั้งด้านเหนือและด้านใต้
ศาลชั้นต้นฟังว่านาที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำแถลงและคำให้การของจำเลยในรายงานกระบวนพิจารณา ที่นาที่พิพาทมิได้พิพาทกันทั้งแปลงราคา ๕,๑๐๐ บาท เท่าที่โจทย์ฟ้องคงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทราคาไม่เกินห้าพันบาท ฉะนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นนาจำเลยมีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงฎีกาคัดค้านในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ ส่วนฎีกาที่โจทก์ยกขึ้นเป็นข้อกฎหมายว่าจำเลยเบิกความนอกคำให้การ จำเลยให้การไว้ว่าได้ครอบครองนาที่พิพาทมาทุกปี แต่เบิกความไปอีกอย่างหนึ่งเป็นทำนองว่าคำเบิกความของจำเลยศาลไม่ควรรับฟังนั้น เห็นว่าจำเลยให้การว่าจำเลยครอบครองนาของจำเลยมาทุกปี ซึ่งมีความหมายเท่ากับว่าจำเลยไม่ได้ละทิ้ง จำเลยเบิกความว่าระหว่างไปทำไร่ปอที่อำเภอสังขะ ๓ ปีนั้นได้ให้นายเพ็งพี่ชายจำเลยทำนาพิพาทแทนก็มีความหมายเท่ากับว่าจำเลยไม่ได้ละทิ้งนาพิพาทเช่นเดียวกัน จึงไม่เป็นการสืบนอกคำให้การดังที่ฎีกา
พิพากษายืน.

Share