คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าจำเลยได้ขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้อีก 1 ปีและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ หากแม้จะฟังว่าได้มีการตกลงกันจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก 1 ปีได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อมาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงใช้บังคับไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 129/2501)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2508 จำเลยขายฝากที่ดินและห้องแถวไว้กับโจทก์มีกำหนดไถ่คืนภายใน 1 ปี ครบกำหนดไถ่คืนวันที่4 สิงหาคม 2509 จำเลยมิได้ไถ่คืน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องแถว แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและห้องของโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายด้วย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทำสัญญาขายฝากจริงแต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2509 ก่อนครบกำหนดไถ่คืน จำเลยเสนอใช้สิทธิไถ่ถอนที่ดินคืนจากโจทก์ โจทก์ยอมรับไถ่ และรับเงินสินไถ่จากจำเลยแล้วเป็นเงิน 50,000 บาท โดยโจทก์สลักหลังรับเงินไว้ในสัญญาขายฝาก ทั้งสัญญาว่าจะไปจดทะเบียนขยายเวลาไถ่ถอนในวงเงินสินไถ่ที่ค้างชำระอีก 30,000 บาท ต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก่จำเลยต่อไปอีกมีกำหนด1 ปีด้วย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมไปจดทะเบียนขยายเวลาไถ่ถอนทรัพย์พิพาทอีก 1 ปี ในวงเงินสินไถ่ที่ค้างอยู่ 30,000 บาท ขอให้พิพากษายกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนขยายเวลาการขายฝากที่ดินตามสัญญาดังกล่าว หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นเครื่องแสดงเจตนาของโจทก์ ให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการจดทะเบียนต่อไป

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยได้รับเงิน 50,000 บาทกับดอกเบี้ยจากจำเลย โจทก์ตกลงกับจำเลยมีข้อความเพียงว่า “เมื่อถึงมีการชำระดอกเบี้ยกัน ต้องยอมให้ต่ออายุสัญญาอีกหนึ่งปี” ข้อความนอกจากนี้ จำเลยสมคบกับผู้อื่นเพิ่มเติมปลอมแปลงทีหลังทั้งสิ้น

ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้รับชำระเงิน50,000 บาท จากจำเลย และจำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยต่ออายุสัญญาขายฝากอีก 1 ปี จึงไม่มีผลใช้บังคับ เมื่อจำเลยไม่ใช้สิทธิไถ่คืนภายในกำหนด ที่ดินและห้องแถวพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอ้างว่าจำเลยขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้วแต่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้ไป 1 ปี และฟ้องแย้งให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากให้อีก 1 ปี ตามที่ตกลง ซึ่งโจทก์ก็กล่าวปฏิเสธว่ามิได้ตกลงเช่นนั้นอย่างไรก็ตามหากแม้จะฟังว่า ได้มีการตกลงกันตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก 1 ปีได้ เพราะข้อตกลงขยายเวลาการขายฝากดังกล่าวขัดต่อ มาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงใช้บังคับไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าได้มีการตกลงกันจริงหรือไม่อีกต่อไปเมื่อปรากฏว่าสัญญาขายฝากที่พิพาทพ้นกำหนดการไถ่ถอนแล้ว และโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท

พิพากษายืน

Share