แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าจำเลยได้ขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้อีก 1 ปี และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ หากแม้จะฟังว่าได้มีการตกลงกันจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก 1 ปีได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อ มาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงใช้บังคับไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 129/2501)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๐๘ จำเลยขายฝากที่ดินและห้องแถวไว้กับโจทก์มีกำหนดไถ่คืนภายใน ๑ ปี ครบกำหนดไถ่คืนวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๐๙ จำเลยมิได้ไถ่คืน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและห้องแถว แต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและห้องของโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหายด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้ทำสัญญาขายฝากจริง แต่เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๙ ก่อนครบกำหนดไถ่คืน จำเลยเสนอใช้สิทธิไถ่ถอนที่ดินคืนจากโจทก์ โจทก์ยอมรับไถ่ และรับเงินสินไถ่จากจำเลยแล้วเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยโจทก์สลักหลังรับเงินไว้ในสัญญาขายฝาก ทั้งสัญญาว่าจะไปจดทะเบียนขยายเวลาไถ่ถอนในวงเงินสินไถ่ที่ค้างชำระอีก ๓๐,๐๐๐ บาท ต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก่จำเลยต่อไปอีกมีกำหนด ๑ ปีด้วย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมไปจดทะเบียนขยายเวลาไถ่ถอนทรัพย์พิพาทอีก ๑ ปี ในวงเงินสินไถ่ที่ค้างอยู่ ๓๐,๐๐๐ บาท ขอให้พิพากษายกฟ้อง และบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนขยายเวลาการขายฝากที่ดินตามสัญญาดังกล่าวหากโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นเครื่องแสดงเจตนาของโจทก์ ให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการจดทะเบียนต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยได้รับเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยจากจำเลย โจทก์ตกลงกับจำเลยมีข้อความเพียงว่า “เมื่อถึงมีการชำระดอกเบี้ยกัน ต้องยอมให้ต่ออายุสัญญาอีกหนึ่งปี” ข้อความนอกจากนี้ จำเลยสมคบกับผู้อื่นเพิ่มเติมปลอมแปลงทีหลังทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า โจทก์ได้รับขำระเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท จากจำเลย และจำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ ข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยต่ออายุสัญญาขายฝากอีก ๑ ปี จึงไม่มีผลใช้บังคับ เมื่อจำเลยไม่ใช้สิทธิไถ่คืนภายในกำหนด ที่ดินและห้องแถวพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารพร้อมกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอ้างว่าจำเลยขายฝากหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้ตกลงขยายเวลาการขายฝากให้ไป ๑ ปี และฟ้องแย้งให้บังคับโจทก์ให้ขยายเวลาการขายฝากให้อีก ๑ ปี ตามที่ตกลงซึ่งโจทก์ก็กล่าวปฏิเสธว่ามิได้ตกลงเช่นนั้น อย่างไรก็ตามหากแม้จะฟังว่า ได้มีการตกลงกันตามที่จำเลยกล่าวอ้างก็ตาม ก็ไม่อาจบังคับตามฟ้องแย้งที่ขอให้ศาลขยายเวลาให้อีก ๑ ปีได้ เพราะข้อตกลงขยายเวลาการขายฝากดังกล่าวขัดต่อ มาตรา ๔๙๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงใช้บังคับไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าได้มีการตกลงกันจริงหรือไม่อีกต่อไป เมื่อปรากฏว่าสัญญาขายฝากที่พิพาทพ้นกำหนดการไถ่ถอนแล้ว และโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป จำเลยก็ไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท
พิพากษายืน