คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ร่วมกันอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ไม่ระวังรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ และระบุว่ากรณีจำเลยทั้งสามฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวทำให้ข้าวเปลือกที่โจทก์รับฝากไว้ในคลังสินค้าขาดหายไป ดังนี้คำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ผิดสัญยาจ้างแรงงานอันมีอายุความฟ้องร้อง 10ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดฐานกระทำละเมิดตามมาตรา 420 อันมีอายุความฟ้องร้อง 1ปีตามมาตรา 448 วรรคแรกไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์เป็นเหตุให้ข้าวเปลือกที่โจทก์รับฝากไว้ในคลังสินค้าขาดหายไปจำนวน 7,969.369ตัน คิดเป็นเงิน 23,960,553.90 บาท เป็นผลให้โจทก์ไม่สามารถส่งมอบข้าวเปลือกตามจำนวนที่สูญหายดังกล่าวคืนให้แก่เกษตรกรชาวนาผู้นำข้าวมาฝากได้ โจทก์จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรชาวนา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนข้อบังคับของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 1 ปีในเรื่องละเมิดแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน23,960,553.90 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…ที่จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ว่า โจทก์บรรยายมาในฟ้องเป็นเรื่องการรับผิดในเรื่องละเมิดมิใช่ให้รับผิดในเรื่องสัญญาจ้างแรงงานฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ1 ปี ในเรื่องละเมิดแล้วนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นลูกจ้างของโจทก์ ในการปฏิบัติงานจำเลยทั้งสามต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของโจทก์ว่าด้วยการรับเก็บของในคลังสินค้า พ.ศ. 2527 ระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการรับจ่ายและเก็บรักษาสินค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2520 ต่อมาระหว่างเดือนมกราคม 2528 ถึงเดือนเมษายน 2528 คลังสินค้าจังหวัดลพบุรี ได้เปิดการรับฝากข้าวเปลือกจากเกษตรกรชาวนา แล้วจำเลยทั้งสามได้ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ร่วมกันอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ ไม่ระวังรักษาผลประโยชน์ของโจทก์ และไม่ป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จนเต็มความสามารถและได้บรรยายถึงการกระทำอันเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของโจทก์อย่างละเอียด และระบุว่าการที่จำเลยทั้งสามฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวทำให้ข้าวเปลือกที่โจทก์รับฝากไว้ในคลังสินค้าขาดหายไปจำนวน 7,969.369 ตัน คิดเป็นเงิน 23,960,553.90 บาท ตามคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ผิดสัญญาจ้างแรงงานอันมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 หาใช่เป็นการฟ้องให้รับผิดฐานกระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 อันมีอายุความฟ้องร้อง1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกไม่ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความชอบแล้ว อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share