คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานสอบสวนรับแจ้งความคดียักยอกทรัพย์ของโจทก์ไว้แล้วปล่อยปละละเลยมิได้ดำเนินการสอบสวนให้เสร็จจนคดีขาดอายุความฟ้องร้อง แต่โจทก์ซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องร้องผู้ยักยอกได้เองทั้งทางอาญาและทางแพ่งก็มิได้ฟ้องร้องผู้ยักยอกจนคดีขาดอายุความ ดังนี้ หากโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีไว้แล้ว ความเสียหายย่อมไม่เกิดขึ้น ความเสียหายของโจทก์จึงเกิดจากการกระทำของโจทก์เอง ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย กรณีของจำเลยไม่เป็นการละเมิด ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2499 โจทก์ได้แจ้งความต่อจำเลยซึ่งขณะนั้นเป็นนายอำเภอเมืองปัตตานีหัวหน้าพนักงานสอบสวนว่า ผู้จัดการของโจทก์ได้ยักยอกเงินของโจทก์ไป จำเลยรับคำร้องทุกข์ไว้แล้วแต่มิได้ทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้น เมื่อจำเลยย้ายไปรับราชการที่อื่น ก็มิได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการสอบสวนดำเนินคดีแทนจำเลยจนวันที่ 25 ธันวาคม 2505 โจทก์จึงได้รับแจ้งจากนายอำเภอเมืองปัตตานีคนปัจจุบันว่าไม่อาจทราบผลการสอบสวนคดีนั้นได้เพราะจำเลยมิได้มอบหมายให้ผู้ใดทำการสอบสวนเมื่อจำเลยย้ายไปรับราชการที่อื่น เป็นเหตุให้คดีนั้นขาดอายุความฟ้องร้องในทางอาญา ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถฟ้องผู้จัดการเรียกเงินคืนได้จำเลยต้องรับผิด จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 95,397.94 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทำละเมิด ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแต่โจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วยที่ปล่อยปละละเลยไม่ติดต่อสอบถามผลของคดีขนคดีขาดอายุความ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้ครึ่งหนึ่ง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การงดเว้นของจำเลยไม่ทำการสอบสวนไม่เป็นละเมิดพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้จัดการของโจทก์ยักยอกเงินของโจทก์ตามกฎหมายโจทก์มีสิทธิฟ้องผู้จัดการได้เองทั้งทางอาญาและทางแพ่ง คดีนี้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ฟ้องร้องตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จนคดีขาดอายุความ ถ้าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องแล้ว ความเสียหายย่อมไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ความเสียหายของโจทก์คดีนี้เกิดเพราะการกระทำของโจทก์เอง ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย กรณีของจำเลยไม่เป็นละเมิด ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์

พิพากษายืน

Share