คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านซึ่งติดกับที่ดินของม.และพ. ตลอดแนวเมื่อพ. กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของพ.ปลัดอำเภอที่ดินอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของพ. แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของส. แม่ยายจำเลยหากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไปครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการจึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครองการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดที่ดินของรัฐจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา9,108ทวิวรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 108 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสาม ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ไว้ตลอดแนว เมื่อนางพั่วกล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินนางพั่ว ปลัดอำเภอ ที่ดินอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านได้มาตรวจสอบที่ดินพิพาทแล้ว ปรากฎว่า จำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินนางพั่ว แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของนางสมบูรณ์ แม่ยายจำเลย หากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์นายวรงค์ ปลัดอำเภอบ้านผือ จังแจ้งให้จำเลยทราบว่าจำเลยจะล้อมรั้วในที่ดินสาธารณะไม่ได้ จำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไปภายในเดือนมีนาคม 2535 แต่ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่รื้อรั้วออกไปทางอำเภอบ้านผือได้แจ้งให้จำเลยรื้อรั้วดังกล่าวออกไปภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2535 จำเลยไม่ยอมปฏิบัติ ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเจตนาที่จะล้อมรั้วดังกล่าวเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครองการกระทำของจำเลยจึงเป็นการเข้าไปยึดถือที่ดินพิพาทอันเป็นที่ดินของรัฐจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสาม
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสาม ยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 เสีย

Share