คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10861/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 กำหนดให้คณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ประกอบด้วยบุคคลไม่น้อยกว่า 20 คน และไม่เกิน 25 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และได้รับการเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาชิกสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และข้อ 7 กำหนดให้อำนาจคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะเชิญบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งจากสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ตามตำแหน่งต่างๆที่กำหนดไว้ในข้อ 6 เข้าเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 แทนตำแหน่งที่ได้ว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระได้ เป็นที่เห็นได้ว่า โดยหลักแล้วคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 และได้รับการเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาชิก โดยมีวาระอยู่คราวละ 3 ปี ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 10 การแต่งตั้งกรรมการที่ครบกำหนดออกตามวาระจึงรู้กำหนดแน่นอน การแต่งตั้งกรรมการที่กำหนดออกตามวาระจึงต้องกระทำตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 ดังกล่าว จึงไม่ใช่กรณีไม่มีข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ที่จะนำมาใช้แต่งตั้งกรรมการที่ครบกำหนดออกตามวาระและไม่อาจนำข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อที่ 7 ซึ่งใช้เฉพาะกรณีกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นไม่ใช่ครบกำหนดตามวาระมาใช้ได้เช่นกัน ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 เข้าร่วมประชุมกันแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบและรับรองให้เลือกจำเลยที่ 16 ถึง ที่ 20 เป็นกรรมการแทนกรรมการที่ว่างลงเพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระจึงเป็นการมิชอบ หากกรรมการของจำเลยที่ 1 ที่เหลืออยู่ไม่สามารถดำเนินการตามหน้าที่ได้ กรณีต้องบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 125 วรรคสาม ที่ให้กรรมการมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิที่ตั้งใหม่ ซึ่งหมายถึงกรรมการมูลนิธิที่ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งโดยชอบตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 หรือข้อ 7 ดังกล่าว แม้จำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 จะเป็นกรรมการโดยมิชอบ แต่ ป.พ.พ. มาตรา 124 บัญญัติว่า บรรดากิจการที่คณะกรรมการมูลนิธิได้กระทำไป แม้จะปรากฏในภายหลังว่ามีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งหรือคุณสมบัติของกรรมการมูลนิธิ กิจการนั้นย่อมมีผลสมบูรณ์ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 20 ลงมติรับรองการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของจำเลยที่ 1 และต่อมาจำเลยที่ 1 โดยผู้กระทำการแทน นำมติดังกล่าวนั้นไปจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับและอาศัยอำนาจตามข้อบังคับที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงมีมติให้ปิดการใช้ที่ทำการอาคารมูลนิธิไลออนส์ในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1/3-4 ซอยเอกมัย 2 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เพื่อย้ายไปที่ทำการแห่งใหม่เลขที่ 300 ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ ซอยสุขุมวิท 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จึงมีผลสมบูรณ์ ไม่อาจเพิกถอนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศเรื่องปิดอาคารที่ทำการของมูลนิธิ ฉบับที่ มธล.พิเศษ 001/2553 ถึง 2554 และเพิกถอนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 20 ออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 เพิกถอนการจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาการขอจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร
จำเลยทั้งยี่สิบให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 19 ถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 19 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีในส่วนจำเลยที่ 19 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 18 และที่ 20 โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 3 กำหนดให้มีสำนักงานตั้งอยู่อาคารเลขที่ 1/3-4 ซอยเอกมัย 2 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ข้อ 6 กำหนดให้มีกรรมการซึ่งประกอบด้วยบุคคลไม่น้อยกว่า 20 คน และไม่เกินกว่า 25 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และได้รับการเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาชิกสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้ว่าการภาค ผู้ว่าการภาค รองผู้ว่าการภาค ประธานสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นและผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นโดยให้ประธานสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นประธานคณะกรรมการ ประธานสภาผู้ว่าการภาคเป็นรองประธานคณะกรรมการ เลขาธิการสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ เหรัญญิกสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นเหรัญญิกคณะกรรมการ นอกเหนือจากตำแหน่งดังกล่าวให้เป็นกรรมการ ข้อ 7 กำหนดให้กรณีที่กรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้คณะกรรมการมีอำนาจที่จะเชิญบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งจากสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ตามตำแหน่งต่างๆ ที่กำหนดไว้ในข้อ 6 เข้าเป็นกรรมการแทนในตำแหน่งที่ว่างลง แต่ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการใหม่เช่นนั้นย่อมมีเวลาอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาที่กรรมการที่ออกไปชอบที่จะอยู่ได้ กรณีตำแหน่งประธานคณะกรรมการว่างลง ให้รองประธานคณะกรรมการทำหน้าที่แทนประธานคณะกรรมการจนกว่าจะสิ้นสุดวาระการบริหาร กรณีตำแหน่งเลขาธิการหรือเหรัญญิกว่างลง ให้ที่ประชุมคณะกรรมการเลือกกรรมการคนหนึ่งคนใดทำหน้าที่เลขาธิการหรือเหรัญญิกแทน ข้อ 8 กำหนดให้กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย หรือลาออกโดยได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการแล้ว หรือขาดคุณสมบัติตามข้อ 9 หรือต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษา เว้นแต่เป็นโทษที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ตามที่ระบุในข้อ 6 หรือถึงคราวออกตามวาระ ข้อ 9 กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือขาดจากสมาชิกภาพของไลออนส์และต้องมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์แล้ว ข้อ 29 กำหนดให้การแก้ไขข้อบังคับจะกระทำได้โดยมติสามในสี่ของคณะกรรมการบริหารทั้งคณะ โดยการแก้ไขข้อบังคับทุกครั้งต้องแจ้งข้อความที่ต้องการเสนอแก้ไขให้เลขาธิการคณะกรรมการทราบและให้เลขาธิการคณะกรรมการแจ้งข้อความที่จะเสนอแก้ไขให้คณะกรรมการบริหารทราบล่วงหน้าก่อนการประชุมอย่างน้อย 15 วัน ส่วนผู้ที่เสนอแก้ไขจะต้องเป็นกรรมการเท่านั้น คณะกรรมการ 14 คน ประกอบด้วยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 เข้าร่วมประชุมกัน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบและรับรองให้เลือกจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 เป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง 5 ตำแหน่ง เพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระ โดยที่ในขณะนั้นจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆตามที่กำหนดไว้ข้อ 6 แห่งข้อบังคับข้างต้น ส่วนโจทก์ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 20 เข้าร่วมประชุมกัน ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์รับรองให้มีการแก้ไขข้อบังคับ หนึ่งในเรื่องที่แก้ไขคือ การย้ายสำนักงานไปอยู่อาคารเลขที่ 300 ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ 2 (สุขุมวิท 64) แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 จดทะเบียนข้อบังคับฉบับที่แก้ไขแล้วต่อเจ้าพนักงานปกครองสำนักงานเขตพระโขนง กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า สมาคมสโมสรไลออนส์สากลสั่งปลดจำเลยที่ 9 จากตำแหน่งผู้ว่าการภาคของสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย นอกจากนั้นยังสั่งเพิกถอนบัตรชาร์เตอร์และให้ปิดสโมสรไลออนส์กระบี่ อันมีผลทำให้จำเลยที่ 9 ซึ่งเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์สิ้นสมาชิกภาพและมีคุณสมบัติต้องห้ามเป็นกรรมการนั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานใดมานำสืบให้รับฟังได้ตามที่กล่าวอ้าง โจทก์ไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยในส่วนนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า สมาคมสโมสรไลออนส์สากลไม่ได้สั่งปลดจำเลยที่ 9 จากตำแหน่งผู้ว่าการภาคของสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และไม่ได้สั่งเพิกถอนบัตรชาร์เตอร์และให้ปิดสโมสรไลออนส์กระบี่ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง
มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 มีอำนาจเห็นชอบและรับรองให้เลือกจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 เป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง 5 ตำแหน่ง เพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ที่จะเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ต้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใดตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 อีกทั้งข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้ให้อำนาจกรรมการเชิญบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลงเพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระ การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 เห็นชอบและรับรองให้เลือกจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 เป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง 5 ตำแหน่ง เพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระ ทั้งที่จำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ไม่ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใด จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 กำหนดให้คณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ประกอบด้วยบุคคลไม่น้อยกว่า 20 คน และไม่เกิน 25 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทยและได้รับการเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาชิกสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานสภาผู้ว่าการภาค ผู้ว่าการภาค รองผู้ว่าการภาค ประธานสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นและผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นและให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ ประธานสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นประธานคณะกรรมการมูลนิธิ ประธานสภาผู้ว่าการภาคเป็นรองประธานคณะกรรมการมูลนิธิ เลขาธิการสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการมูลนิธิ เหรัญญิกสภาผู้ว่าการภาคเพิ่งผ่านพ้นเป็นเหรัญญิกคณะกรรมการมูลนิธิ นอกเหนือจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นคณะกรรมการมูลนิธิและข้อ 7 กำหนดให้อำนาจคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะเชิญบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งจากสมาคมสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทยตามตำแหน่งต่างๆที่กำหนดไว้ในข้อ 6 เข้าเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 แทนตำแหน่งที่ได้ว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระได้จากข้อบังคับดังกล่าว เป็นที่เห็นได้ว่า โดยหลักแล้วคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 จะต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 และได้รับการเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาชิก โดยมีวาระอยู่คราวละ 3 ปี ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 10 การแต่งตั้งกรรมการที่ครบกำหนดออกตามวาระจึงรู้กำหนดแน่นอน การแต่งตั้งกรรมการที่กำหนดออกตามวาระจึงต้องกระทำตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 ดังกล่าว จึงไม่ใช่กรณีไม่มีข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ที่จะนำมาใช้แต่งตั้งกรรมการที่ครบกำหนดออกตามวาระและไม่อาจนำข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อที่ 7 ซึ่งใช้เฉพาะกรณีกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นไม่ใช่ครบกำหนดตามวาระมาใช้ได้เช่นกัน ดังนั้น ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 เข้าร่วมประชุมกัน แล้วมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบและรับรองให้เลือกจำเลยที่ 16 ถึง ที่ 20 เป็นกรรมการแทนกรรมการที่ว่างลงเพราะเหตุถึงคราวออกตามวาระจึงเป็นการมิชอบ หากกรรมการของจำเลยที่ 1 ที่เหลืออยู่ไม่สามารถดำเนินการตามหน้าที่ได้ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 125 วรรคสาม ที่ให้กรรมการมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิที่ตั้งใหม่ ซึ่งหมายถึงกรรมการมูลนิธิที่ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งโดยชอบตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ข้อ 6 หรือข้อ 7 แม้จำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 จะเป็นกรรมการโดยมิชอบ แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 124 บัญญัติว่า บรรดากิจการที่คณะกรรมการมูลนิธิได้กระทำไป แม้จะปรากฏในภายหลังว่ามีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งหรือคุณสมบัติของกรรมการมูลนิธิ กิจการนั้นย่อมมีผลสมบูรณ์ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 20 ลงมติรับรองการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของจำเลยที่ 1 และต่อมาจำเลยที่ 1 โดยผู้กระทำการแทน นำมติดังกล่าวนั้นไปจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนเเปลงข้อบังคับและอาศัยอำนาจตามข้อบังคับที่ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงมีมติให้ปิดการใช้ที่ทำการอาคารมูลนิธิไลออนส์ในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 1/3-4 ซอยเอกมัย 2 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เพื่อย้ายไปที่ทำการแห่งใหม่เลขที่ 300 ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ ซอยสุขุมวิท 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร จึงมีผลสมบูรณ์ ไม่อาจเพิกถอนได้ ที่โจทก์ขอให้เพิกถอนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 20 ออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 นั้น ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 ได้รับเลือกหรือแต่งตั้งให้เป็นกรรมการโดยมิชอบ จึงไม่อาจเพิกถอนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 15 ได้ คงเพิกถอนได้เฉพาะจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยมิชอบดังวินิจฉัยข้างต้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาโจทก์ข้ออื่น ๆ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share