คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ. ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องจำเลยจำเลยได้รับสำเนาหนังสือมอบอำนาจพร้อมกับฟ้องแล้ว ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน สำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ และไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลัง ถือได้ว่าจำเลยยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความถูกต้องแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้น รวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 ชั้นพิจารณาศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำเนาหนังสือมอบอำนาจแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1) จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาเป็นเวลาเกือบ 4 ปี ไม่เคยชำระหนี้ให้โจทก์ แสดงว่าจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ นอกจากนี้โจทก์ยังได้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดได้เงินชำระหนี้บางส่วน ยังค้างชำระหนี้ถึงวันฟ้องเป็นเงิน8,538,400.98 บาท ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทั้งสามไม่ยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสามเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมอบอำนาจให้นายถนอม ณรงค์ มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และ 2 ซึ่งเป็นสำเนาหนังสือรับรองของกรมทะเบียนการค้ารับรองฐานะความเป็นนิติบุคคลของโจทก์กับสำเนาหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ซึ่งกระทำโดยผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์มอบอำนาจให้นายถนอม ณรงค์ กระทำการแทนโจทก์รวมทั้งการฟ้องคดีจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาเอกสารดังกล่าวไปพร้อมฟ้องแล้วไม่โต้แย้งคัดค้านการนำเอกสารมาสืบก่อนวันสืบพยานว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน สำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับและไม่ได้ขออนุญาตคัดค้านในภายหลัง ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามยอมรับถึงการมีอยู่ของต้นฉบับและความถูกต้องแท้จริงของต้นฉบับเอกสารนั้นรวมทั้งยอมรับว่าสำเนานั้นตรงกับต้นฉบับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 ในชั้นพิจารณา ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวแทนต้นฉบับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1) แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า ชั้นพิจารณาโจทก์จะส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับอื่นตามเอกสารหมาย จ.2 แทน และขอรับต้นฉบับคืนไปก็ตาม กรณีดังกล่าวหามีผลแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงต้องฟังดังที่โจทก์นำสืบว่า คดีนี้โจทก์มอบอำนาจให้นายถนอมเป็นผู้ฟ้องคดีแทน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ชั้นอุทธรณ์จำเลยทั้งสามอุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า จำเลยทั้งสามสามารถชำระหนี้ได้ ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ การพิจารณาพิพากษาคดีล้มละลายต้องกระทำเป็นการด่วน ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นนี้ต่อไปเสียเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาใหม่ ประเด็นข้อนี้ จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 23กรกฎาคม 2529 จนถึงวันฟ้องวันที่ 18 พฤษภาคม 2533 เป็นเวลาเกือบ 4 ปี ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามเคยชำระหนี้โจทก์ แสดงว่าจำเลยทั้งสามไม่สามารถชำระหนี้ได้ นอกจากนี้โจทก์ยังได้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดแล้วได้เงินชำระหนี้เพียงบางส่วน จำเลยทั้งสามคงค้างชำระหนี้ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 8,538,400.98 บาท ฝ่ายจำเลยคงมีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ที่เบิกความว่ามีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ แต่จำเลยที่ 1คงเบิกความลอย ๆ แต่ผู้เดียวหามีเอกสารและพยานบุคคลสนับสนุนไม่ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้พยานจำเลยเลื่อนลอยปราศจากเหตุผลสนับสนุนไม่มีน้ำหนักเท่าพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบมาว่าจำเลยทั้งสามเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลฎีกาเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share