คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค้นจำเลยกับพวกขณะยืนซุบซิบกันที่หลังสถานีรถไฟ โดยผู้ค้นเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้ติดตามคนร้ายปล้นทรัพย์หนีข้ามท้องที่มา และได้ร่วมกับตำรวจในท้องที่ทำการติดตามและมีเหตุสงสัยอันควรที่จะทำการค้น คือสงสัยว่าจะมีอาวุธปืนและของผิดกฎหมาย เช่นนี้ ทำการค้นจำเลยได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้น
การที่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องอ้างมาตราที่ลงโทษผู้ที่กระทำผิดต่อบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าพนักงานมาด้วยนั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑บังอาจต่อสู้ขัดขวางและชกต่อยจ่าสิบตำรวจโอภาศ ขณะปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกับจำเลยที่ ๒ ต่อสู้ขัดขวางร้อยตำรวจโทพัฒน์ไม่ยอมให้จับจำเลยที่ ๑ แล้วร่วมกันใช้กำลังชกต่อยและใช้มีดแทงร้อยตำรวจโทพัฒน์ในขณะกำลังทำการจับกุมจำเลยที่ ๑ ถูกที่ท้องทะลุเข้าข้างในบาดเจ็บสาหัส โดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะแพทย์รักษาไว้ทัน ร้อยตำรวจโทพัฒน์จึงไม่ตาย และฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ มีอาวุธปืนสั้น ๑ กระบอกไม่มีทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ ๑ รับข้อหามีอาวุธปืน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ในข้อหามีอาวุธปืน ข้อหาอื่นยก ส่วนจำเลยที่ ๒ ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้ทำการตามหน้าที่ตามมาตรา ๑๓๘,๑๔๐,๒๘๘,๒๘๙,๘๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษบทหนักมาตรา ๒๘๙,๘๐ จำคุก ๑๖ ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว โจทก์นำสืบว่า ร้อยตำรวจโทพัฒน์และจ่าสิบตำรวจโอภาศติดตามจับคนร้ายซึ่งหลบหนีเข้ามาในท้องที่อำเภอห้วยแถลง ได้เห็นจำเลยทั้ง ๒ กับนายประกอบยืนพูดซุบซิบกันที่หลังสถานีรถไฟเป็นพิรุธ จึงบอกตำแหน่งแล้วขอค้น จ่าสิบตำรวจโอภาศแสดงตัวเป็นตำรวจแล้วขอดูกระเป๋าซิบจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ แย่งกระเป๋าคืนและชกถูกหน้าจ่าสิบตำรวจโอภาศแล้ววิ่งหนี ร้อยตำรวจโทพัฒน์วิ่งไล่ตามจับจำเลยที่ ๑ ถูกจำเลยที่ ๒ ใช้มีดแทง ฯลฯ ซึ่งศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ ๒ ได้ทำร้ายต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งทำการตามหน้าที่ตามที่โจทก์ฟ้อง และในข้อที่จำเลยที่ ๒ อ้างในฎีกาว่า ร้อยตำรวจโทพัฒน์กับพวกไม่มีอำนาจจะทำการค้นตัวจำเลยนั้น ข้อนี้ ปรากฎว่าผู้ค้นเป็นเจ้าพนักงานตำรวจติดตามคนร้ายปล้นทรัพย์หนีข้ามท้องที่มา และได้ร่วมกับตำรวจท้องที่ทำการติดตาม และมีเหตุสงสัยอันควรที่จะทำการค้น คือสงสัยว่าจะมีอาวุธปืนและของผิดกฎหมาย จึงทำการค้นจำเลยได้โดยไม่จำต้องมีหมายค้น และเห็นว่า การที่โจทก์มีคำขอมาในท้ายฟ้องอ้างมาตราที่ลงโทษผู้ที่กระทำผิดต่อบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าพนักงานมาด้วยนั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ พิพากษายืน

Share