แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การว่าไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวเป็นลายมือปลอมแต่ปรากฎว่าจำเลยกลับไม่สนใจมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลเพื่อสนับสนุนข้อต่อสู้ของตนที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องและแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งประเด็นไปสืบ ส.และ ศ.ที่ศาลอื่นก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยจะสืบในข้อใดและเกี่ยวแก่ประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยเพียงใดคงกล่าวลอยๆว่าขอให้ส่งประเด็นไปสืบเท่านั้นในฎีกาของจำเลยก็มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าจำเลยจะสืบพยานทั้งสองปากในข้อใดเกี่ยวแก่ประเด็นข้อพิพาทแค่ไหนเพียงใดพฤติการณ์ของจำเลยจึงเป็นการประวิงคดี
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 1 ได้ ทำ สัญญา เบิกเงินเกินบัญชีกับ โจทก์ ยอม ให้ คิด ดอกเบี้ย ทบต้น ร้อยละ 13 ต่อ ปี จาก นั้น จำเลย ที่ 1ได้ เดินสะพัด ทาง บัญชี กับ โจทก์ ตลอดมา ต่อมา จำเลย ที่ 1 ไม่นำ เงินเข้าบัญชี โจทก์ จึง นำ เงินฝาก ประจำ ของ จำเลย ที่ 1 หัก ทอน บัญชีชำระหนี้ แล้ว จำเลย ที่ 1 ยัง เป็น หนี้ โจทก์ หลังจาก นั้น จำเลย ที่ 1ก็ ไม่นำ เงิน เข้า หัก ทอน ชำระหนี้ อีก โจทก์ ทวงถาม จำเลย ที่ 1 ได้ ทำหนังสือ รับสภาพหนี้ แก่ โจทก์ จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 ได้ ค้ำประกันการ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1 ต่อ โจทก์ ตาม หนังสือ รับสภาพหนี้โดย ยอมรับ ผิด อย่าง ลูกหนี้ ร่วม ตั้งแต่ ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้จำเลย ที่ 1 ผ่อนชำระ เงิน บางส่วน ยัง เป็น หนี้ โจทก์ โจทก์ มี หนังสือบอกเลิก สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี และ ทวงถาม ให้ จำเลย ทั้ง ห้าชำระหนี้ แต่ จำเลย ทั้ง ห้า ไม่ชำระ จำเลย ที่ 1 เป็น หนี้ ต้นเงิน และดอกเบี้ย ถึง วันฟ้อง 423,113.76 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง ห้าชำระ เงิน 423,113.76 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ร้อยละ 17.5 ต่อ ปีใน ต้นเงิน 403,295.63 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จแก่ โจทก์
จำเลย ทั้ง ห้า ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 ไม่เคย ทำ สัญญา เบิกเงินเกิน บัญชี กับ โจทก์ ลายมือชื่อ กรรมการ ผู้มีอำนาจ และ ตรา ที่ ใช้ ประทับใน สัญญา เบิกเงินเกินบัญชี ไม่ใช่ ลายมือชื่อ กรรมการ ผู้มีอำนาจ ของจำเลย ที่ 1 และ ไม่ใช่ ตรา ของ จำเลย ที่ 1 แต่ เป็น ลายมือชื่อปลอมจำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 ไม่เคย ค้ำประกัน การ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1ต่อ โจทก์ ลายมือชื่อ จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 ผู้ค้ำประกัน เป็น ลายมือชื่อปลอม ขอให้ ยกฟ้อง
เมื่อ โจทก์ สืบพยาน เสร็จสิ้น ใน วันนัด สืบพยาน จำเลย ทั้ง ห้าทนายจำเลย ทั้ง ห้า ยื่น คำร้อง ต่อ ศาลชั้นต้น ว่า ตาม ที่ ทนายจำเลย ทั้ง ห้าแถลงว่า ยัง ติดใจ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2 ที่ 3 นาย สวรรค์ และ นางสาว ศิริวรรณ นั้น จำเลย ทั้ง ห้า ไม่ติดใจ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2 ที่ 3แต่ ติดใจ สืบ นาย สวรรค์ กับ นางสาว ศิริวรรณ ซึ่ง มี ภูมิลำเนา อยู่ จังหวัด สกลนคร ขอให้ ศาล ส่ง ประเด็น ไป สืบ นาย สวรรค์ กับ นางสาว ศิริวรรณ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ทนายโจทก์ แถลง คัดค้าน ว่า จำเลย ทั้ง ห้า มี พฤติการณ์ ประวิงคดี ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่าพฤติการณ์ ของ จำเลย ทั้ง ห้า เป็น การ ประวิงคดี จึง ไม่อนุญาต ให้ยก คำร้องค่า คำร้อง ให้ เป็น พับ แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง ห้า ร่วมกัน ชำระ เงิน423,113.76 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ร้อยละ 17.5 ต่อ ปีใน ต้นเงิน 403,295.63 บาท นับแต่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2534 จนกว่าจะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง ห้า อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า วันนัด สืบพยาน จำเลย นัดแรก ศาลชั้นต้นสืบพยาน จำเลย ได้ 1 ปาก ทนายจำเลย ที่ 2 แถลง ขอ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2แต่ ใน วัน ดังกล่าว จำเลย ที่ 2 โทรศัพท์ แจ้ง ว่า ติด ธุระ ขอเลื่อนนัด ที่ สอง สืบพยาน จำเลย ได้ 2 ปาก ทนายจำเลย ที่ 2 แถลงว่าติดต่อ จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ ขอเลื่อน นัด ที่ สาม ทนายจำเลย ที่ 2 ขอเลื่อนอ้างว่า ป่วย นัด ที่ สี่ ทนายจำเลย ที่ 2 ยื่น คำร้อง และ แถลงว่าไม่ติดใจ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2 แต่ ติดใจ สืบ นาย สวรรค์ และ นางสาว ศิริวรรณ ขอส่ง ประเด็น ไป สืบ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ทนายโจทก์ แถลง คัดค้าน ว่า จำเลย ที่ 2 มี พฤติการณ์ ประวิงคดี จำเลย ที่ 2 ฎีกา ว่าจำเลย ที่ 2 มีสิทธิ จะ ส่ง ประเด็น ไป สืบ ได้ไม่ เป็น การ ประวิงคดีเห็นว่า จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า ไม่เคย ทำ สัญญาค้ำประกัน กับ โจทก์ลายมือชื่อ ใน เอกสาร ดังกล่าว เป็น ลายมือ ปลอม แต่ ปรากฎ ว่า จำเลย ที่ 2กลับ ไม่ สนใจ มา เบิกความ เป็น พยาน ต่อ ศาล เพื่อ สนับสนุน ข้อต่อสู้ของ ตน นาย สวรรค์ และ นางสาว ศิริวรรณ ที่ ทนายจำเลย ที่ 2ยื่น คำร้อง และ แถลง ขอให้ ศาลชั้นต้น ส่ง ประเด็น ไป สืบ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ก็ ไม่ ปรากฎ ว่า จำเลย ที่ 2 จะ สืบ ใน ข้อ ใด เกี่ยวกับข้อต่อสู้ ของ จำเลย ที่ 2 เพียงใด คง กล่าว ลอย ๆ ว่า ขอให้ ส่ง ประเด็นไป สืบ เท่านั้น ใน ฎีกา ของ จำเลย ที่ 2 ก็ มิได้ กล่าว ให้ ชัดแจ้ง ว่าจำเลย ที่ 2 จะ สืบพยาน ทั้ง สอง ปาก ใน ข้อ ใด เกี่ยวกับ ประเด็น ข้อพิพาทแค่ไหน เพียงใด พฤติการณ์ ของ จำเลย ที่ 2 จึง เป็น การ ประวิงคดี
พิพากษายืน