คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ไม่มีสิทธิในที่ดิน แม้จะได้ไปแจ้งการครอบครอง ได้รับ ส.ค.1 และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่นั้น
รับซื้อที่ดินซึ่งมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าผู้ที่มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิอย่างใด

ย่อยาว

คดีสี่สำนวนนี้ศาลพิพากษารวมกันสองสำนวนแรกนายสงวนเป็นโจทก์ฟ้องนายทองอยู่กับนายละม่อน เป็นจำเลยหาว่าบุกรุกเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินที่โจทก์เป็นเจ้าของและมีสิทธิครอบครอง ขอให้จำเลยออกไปจากที่ดิน
นายทองอยู่กับนายละม่อมให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน แต่เป็นของนางเซาะ ซึ่งจำเลยเช่ามา
นางเซาะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ว่าที่ดินตามฟ้องโจทก์เป็นของนางเซาะ แล้วนางเซาะเป็นโจทก์ฟ้องนายสงวน นายเลิศ และฟ้องนายสงวน จ่าเอกพยนต์ นายปลีก รวม ๒ สำนวนว่านายเลิศ จ่าเอกพยนต์ นางปลีกเคยเช่านางเซาะทำ ต่อมาทั้ง ๓ คนไปขอให้ทางอำเภอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ แล้วได้ทำนิติกรรมไปยังนายสงวนจำเลยไม่มีสิทธิ ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
จำเลยสองสำนวนหลังให้การต่อสู้ว่านายเลิศ จ่าเอกพยนต์ นางปลีกซื้อที่พิพาทมาจากคนอื่น ได้แจ้งการครอบครองและได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจึงขายให้นายสงวนไปโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นาพิพาทอยู่ในจำนวน ๗๕๐ ไร่ตาม ส.ค.๑ ของนางเซาะ นายเลิศ จ่าเอกพยนต์เคยเช่านาพิพาทจากนางเซาะ จึงไม่มีอำนาจไปแจ้งการครอบครองทั้งไม่มีอำนาจขอออก น.ส.๓ ฯลฯ พิพากษาให้นางเซาะเป็นเจ้าของสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท
นายสงวน บัวรอด โจทก์สองสำนวนแรกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายสงวน กับพวกฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าในชั้นอุทธรณ์ นายสงวนอุทธรณ์ผู้เดียว จ่าเอกพยนต์ นางปลีก และนายเลิศ ไม่ได้อุทธรณ์ คดีของทั้ง ๓ คนจึงยุติไปแล้ว ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาต่อไป คงเหลือเฉพาะกรณีพิพาทระหว่างนายสงวนกับนางเซาะ นายทองอยู่ นายละม่อมเท่านั้นและฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของนาที่นางเซาะได้ซื้อมาจากเจ้าของเดิม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ และเชื่อว่าจ่าเอกพยนต์ นางปลีก และนายเลิศ ได้เช่านาพิพาทจากนางเซาะจริง นางเซาะจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจ่าเอกพยนต์ นางปลีกและนายเลิศการที่บุคคลทั้ง ๓ ได้แจ้งการครอบครองได้รับ ส.ค.๑ และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.๓ จึงไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่พิพาทแต่ประการใด เพราะไม่ใช่เจ้าของ เมื่อไม่ใช่เจ้าของแล้ว แม้นายสงวนจะได้รับซื้อไว้จากบุคคลทั้ง ๓ โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่มีสิทธิอย่างใดเพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
พิพากษายืน.

Share