คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คำให้การรับสารภาพที่เกิดขึ้นโดยเข้าใจผิดไม่อาจนำมารับฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ฐาน ข่มขืน กระทำ ชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรค สอง 83ฯ
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83ฯลฯ จำเลย ที่ 1 อายุ 20 ปี ไม่ ลดมาตราส่วน โทษ ให้ ลงโทษ จำคุก จำเลย ที่ 1 ที่ 2 คนละ 15 ปี จำเลย ที่3 อายุ 18 ปี ลด มาตราส่วน โทษ ให้ 1 ใน 3 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา76 จำคุก 10 ปี จำเลย ทั้ง สาม ให้การ รับสารภาพ ชั้น สอบสวน และ ชั้นจับกุม เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา ลดโทษ ให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง ลงโทษ จำคุก จำเลย ที่ 1 ที่ 2 คนละ 10ปี จำเลย ที่ 3 จำคุก 6 ปี 8 เดือน
จำเลย ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง โจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ‘มี ปัญหา ว่า จำเลย……’
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ‘มี ปัญหา ว่า จำเลย ทั้ง สาม ได้ ร่วมกัน ข่มขืนกระทำ ชำเรา นาง อัมพร ขลัง ผู้เสียหาย หรือไม่ คดี นี้ โจทก์ ไม่สามารถ นำ ตัว ผู้เสียหาย มา เบิกความ ต่อ ศาล ได้ โจทก์ มี นาง มากสระทองพิมพ์ นาย ประสิทธิ์ รุณจัตุรัส และ นาย จำนง ขลัง บิดาผู้เสียหาย มา เป็น พยาน นาง มาก เบิกความ ว่า ก่อน เกิดเหตุ หนึ่ง วันนาย เบี้ยว หรือ สมัย บุตรชาย ได้ พา ผู้เสียหาย มา ที่ บ้าน พยาน บอกว่า นำ ผู้เสียหาย มา จาก ล็อก 9 ตำบล คลองมะพลับ อำเภอ ศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ระหว่าง ที่ ผู้เสียหาย อยู่ ที่ บ้าน พยาน เห็น จำเลย และชาย อีก หลาย คน เข้า มา กอด และ หยอกล้อ ได้ยิน เสียง ผู้เสียหายหัวเราะ ไม่เคย ได้ยิน ผู้เสียหาย ด่า ว่า ชาย เหล่านั้น และ บางทีเห็น ชาย บางคน เข้า ไป นอน ใน ห้อง กับ ผู้เสียหาย รุ่งขึ้น นาย เบี้ยวได้ พา ผู้เสียหาย ออก จาก บ้าน มี เพื่อน นาย เบี้ยว ตาม ไป หลายคนฝ่าย นาย ประสิทธิ์ เบิกความ ว่า ใน วัน เกิดเหตุ เวลา 8 นาฬิกา พยานออก จาก บ้าน ไป ที่ ห้างนา ของ พยาน พบ จำเลย ที่ 1 และ ผู้เสียหายกำลัง หยอกล้อ และ กอดกัน อยู่ จึง ถาม จำเลย ที่ 1 ว่า พา มา จาก ไหนจำเลย ที่ 1 ตอบ ว่า พา มา จาก ล็อก 9 ตำบล คลองมะพลับ อำเภอ ศรีนครจังหวัด สุโขทัย พยาน ทราบ แล้ว ไม่ สนใจ ได้ ไป ทำการ สูบน้ำ ที่ นาและ ช่วย นาย สม เพื่อนบ้าน ปลูกบ้าน จน ถึง เวลา 19 นาฬิกา จึง กลับมา ที่ ห้างนา อีก พบ จำเลย ทั้ง สาม นาย แดง และ ชาย อีก คน หนึ่งกำลัง หยอกล้อ ผู้เสียหาย โดย การ ดึงแขน บ้าง กอด บ้าง ไม่ ได้ยินเสียง ผู้เสียหาย ด่า ว่า คน ใด พยาน มอง ลักษณะ ผู้เสียหาย คล้ายผู้หญิง หา เงิน สำหรับ นาย จำนง บิดา ผู้เสียหาย ว่า ก่อน เกิดเหตุคดี นี้ เคย ไป แจ้งความ ที่ สถานี ตำรวจ ภูธร อำเภอ ศรีนคร ว่าผู้เสียหาย ถูก นาย เต่า พา ไป ตำรวจ บอก ว่า นาย เต่า เป็น เจ้าของซ่องโสเภณี ที่ ตำบล คลองมะพลับ เมื่อ นาย เต่า มา พบ พยาน ที่ สถานีตำรวจ บอก ว่า ผู้เสียหาย ไป กรุงเทพ แล้ว ผู้เสียหาย เคย ไป บ้านนาย เต่า ตอน กลางวัน ส่วน ตอน กลางคืน ก็ กลับ บ้าน ครั้น ต่อมผู้เสียหาย กลับ มา บ้าน พยาน จึง สอบถาม ผู้เสียหาย รับ ว่า เคย ไปบ้าน นาย เต่า เฉพาะ ตอน กลางวัน 2 ครั้ง เท่านั้น พิเคราะห์ข้อเท็จจริง ตาม คำเบิกความ ของ นาง มาก นาย ประสิทธิ์ และ บิดาผู้เสียหาย ดังกล่าว แล้ว พฤติการณ์ ของ ผู้เสียหาย ที่ แสดง ให้ ปรากฏต่อ บุคคล ต่างๆ นั้น น่าเชื่อ ตาม ที่ จำเลย ทั้ง สาม นำสืบ ว่าผู้เสียหาย เป็น หญิง ที่ มี ความประพฤติ ไม่ ดี เคย อยู่ ที่ซ่องโสเภณี ของ นาย เต่า ด้วย ความ สมัครใจ และ ใน วัน เกิดเหตุ ได้ยินยอม ให้ จำเลย ทั้ง สาม ร่วมประเวณี เพื่อ สินจ้าง หาก ผู้เสียหายถูก จำเลย ทั้ง สาม ข่มขืน บังคับใจ แล้ว คง จะ ไม่ ยินยอม ให้ จำเลยที่ 1 นอน กอด ต่อหน้า นาย ประสิทธิ์ ซึ่ง ไป พบ ที่ ห้างนา และ ก็ จะต้อง บอก นาย ประสิทธิ์ ให้ ทราบ และ ให้ ช่วยเหลือ ใน การ ที่ ถูกจำเลย ทั้ง สาม ข่มขืน กระทำ ชำเรา ด้วย สำหรับ ข้อเท็จจริง ที่ ว่าจำเลย ทั้ง สาม ได้ ให้การ รับสารภาพ ว่า ได้ ข่มขืน กระทำ ชำเราผู้เสียหาย ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ผู้จับกุม และ พนักงาน สอบสวน นั้นพิเคราะห์ แล้ว เห็น ว่า น่าเชื่อ ตาม ที่ จำเลย ทั้ง สาม นำสืบ ว่าที่ ให้การ รับสารภาพ เพราะ คิด ว่า ข่มขืน หมายถึง การ ร่วมประเวณีโดย หญิง ยินยอม จำเลย ทั้ง สาม ร่วมประเวณี กับ ผู้เสียหาย จริง จึงรังสารภาพ ไป คำให้การ รับสารภาพ โดย เข้าใจ ผิด ดังกล่าว จึง ไม่ อาจนำ มา รับ ฟัง ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ได้ ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยกฟ้องโจทก์ จึง ชอบ แล้ว ฎีกา โจทก์ ฟัง ไม่ ขึ้น
พิพากษา ยืน’

Share