คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันรับจ้างขนไม้สักแปรรูปของกลางบรรทุกรถยนต์ให้แก่ผู้ว่าจ้างนั้น ยังไม่ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ทำการแปรรูปไม้และมีไม้ที่ยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครอง แต่เป็นการกระทำความผิดฐานทำไม้โดยการนำไม้ออกจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และแม้ไม้สักแปรรูปของกลางจะอยู่ในความครอบครองของผู้ว่าจ้างโดยจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองเลยก็ตาม ก็เป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้ว่าจ้างแล้ว จำเลยทั้งสามจึงเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 4, 7, 11, 48, 69, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31, 35 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16, 24 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ริบของกลาง และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 7, 11 วรรคแรก, 48 วรรคแรก, 69 วรรคแรก,73 วรรคสอง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31,35 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16(2), 24ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 90, 91 ลงโทษฐานทำไม้ตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่งลงโทษฐานสนับสนุนตั้งโรงงานแปรรูปไม้ จำคุก 8 เดือน กระทงหนึ่งลงโทษฐานสนับสนุนการแปรรูปไม้ จำคุก 8 เดือน กระทงหนึ่ง ลงโทษฐานสนับสนุนมีไม้แปรรูป จำคุก 8 เดือน กระทงหนึ่งลงโทษฐานสนับสนุนมีไม้ยังมิได้แปรรูป จำคุก 8 เดือน อีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุกจำเลยทั้งสาม 5 กระทง คนละ 1 ปี 32 เดือน คำให้การของจำเลยทั้งสามในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณากรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 29 เดือน 10 วันริบของกลางคำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ แปรรูปไม้สัก มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครอง และมีไม้สักที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ แปรรูปไม้สัก มีไม้สักแปรรูปและที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีร้อยตำรวจเอกนิยม ด้วงสี และจ่าสิบตำรวจบุญยงค์ ขัตติสะเจ้าพนักงานผู้จับกุมเบิกความเป็นพยานว่า ก่อนจะเข้าทำการจับกุมเห็นชาย 5-6 คน บางคนกำลังเลื่อยไม้ด้วยเครื่องจักร บางคนกำลังแบกไม้ขึ้นรถยนต์บรรทุก ได้เข้าจับกุมโดยจับได้เฉพาะจำเลยทั้งสามนอกนั้นหลบหนีไปและพบไม้สักแปรรูปบรรทุกอยู่ท้ายรถ 500 แผ่นที่ข้าง ๆ รถ 750 แผ่น และมีไม้สักที่ยังไม่ได้แปรรูปจำนวน 2 ท่อนอยู่ตรงบริเวณแท่นเลื่อย คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวไม่ได้ความว่า จำเลยทั้งสามกำลังทำอะไรในขณะที่ถูกจับกุม ไม้สักแปรรูปที่พบไม่มีแผ่นใดที่กำลังแปรรูปอยู่หรือมีกองอยู่ตรงแท่นเลื่อยเมื่อไม้แปรรูปทั้งหมดบรรทุกอยู่บนรถ 500 แผ่น และกองอยู่ข้างรถ750 แผ่น เครื่องยนต์เลื่อยไม้ติดตั้งอยู่ก่อนเข้าจับกุม และไม้สัก2 ท่อน ที่ยังมิได้แปรรูปก็มีอยู่ก่อนแล้ว เช่นนี้จึงไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสามเกี่ยวข้องในการแปรรูปไม้สักตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้สักที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองอย่างไร สำหรับไม้สักแปรรูปได้ความว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การว่าได้พากันไปรับจ้างขนขึ้นรถบรรทุกและถูกจับในขณะกำลังขนอยู่ ตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.9 จ.10 จ.11 ซึ่งโจทก์มีร้อยตำรวจเอกเจริญ ชมเชย พนักงานสอบสวนเบิกความรับรองว่าจำเลยทั้งสามได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนดังกล่าวจริง ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสามก็นำสืบรับว่าเป็นความจริงเช่นเดียวกัน ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามรับจ้างขนไม้สักแปรรูปเท่านั้น ลำพังการรับจ้างขนไม้สักแปรรูปจะถือเอาว่าจำเลยทั้งสามได้ทำการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้ว่าจ้างในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ทำการแปรรูปไม้และให้มีไม้ที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองด้วยไม่ได้การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงยังฟังไม่ได้ว่า เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติแล้วว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดฐานทำไม้โดยการนำไม้ออกจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันรับจ้างขนไม้สักแปรรูปของกลางบรรทุกรถยนต์ให้แก่ผู้ว่าจ้าง แม้ไม้สักแปรรูปของกลางจะอยู่ในความครอบครองของผู้ว่าจ้างโดยจำเลยทั้งสามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองไม้สักแปรรูปรายนี้เลยก็ตาม การกระทำของจำเลยทั้งสามก็เป็นการให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่ผู้ว่าจ้างซึ่งกำลังกระทำความผิด จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฎีกาของโจทก์จึงฟังขึ้นเป็นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานสนับสนุนมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษจำคุกคนละ 8 เดือน รวมกับโทษฐานทำไม่โดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดไว้เป็นจำคุกคนละ 1 ปี 8 เดือน คำให้การจำเลยทั้งสามในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี 1 เดือน10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share