คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยรับว่าจำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๙๓ จำคุก ๓ ปี และให้ลงโทษกักกันอีก ๓ ปี ตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๘, ๙ เนื่องจากจำเลยได้เคยกระทำผิดต้องโทษจำคุกมาหลายครั้ง แล้วและมากระทำผิดอาญาอันเป็นเหตุร้ายในคดีนี้อีก
จำเลยร้องขอให้ศาลงดการลงโทษกักกันแก่จำเลยในคดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ศาลอุทธรณ์ควรจะได้เรียกใบแดงแจ้งโทษครั้งที่ ๕ ของจำเลย จากตำรวจสันติบาลหรือจากสำนวนเดิมในคดีของศาลจังหวัดชุมพร มาพิเคราะห์ การที่ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยคดีว่า จำเลยได้เคยต้องโทษจำคุกตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ไม่ชอบจึงขอให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีใหม่ โดยเรียกใบแดงแจ้งโทษครั้งที่ ๕ ของจำเลยมาจากตำรวจสันติบาลเพื่อทำการพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือว่าเป็นจำเลยจริงหรือไม่ และเรียกหนังสืออ้างการหลบหนีเรือนจำจากผู้บัญชาการเรือนจำประจำเขตภาคธารโตจังหวัดยะลามาพิสูจน์ว่าเป็นคดีหมายเลขแดงตามใบแดงแจ้งโทษครั้งที่ ๕ ของจำเลยจริงหรือไม่ แล้วพิพากษายกโทษกักกันให้จำเลยด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้จำเลยได้แถลงรับต่อศาลว่า จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้ว รวม ๖ ครั้ง ตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องจริง จึงต้องถือว่า ข้อที่จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษมา รวม ๖ ครั้ง ตามที่ปรากฏในใบแดง แจ้งโทษท้ายฟ้องนั้น ย่อมถือว่า เป็นส่วนหนึ่ง ของคำฟ้องโจทก์ การพิจารณาคดีต่อไปก็เกี่ยวกับปัญหาที่ว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ตามฟ้องหรือไม่เท่านั้น ซึ่งปัญหาข้อนี้ ในที่สุดศาลก็ชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง จึงต้องถือว่า ในข้อหาฐานเป็นคนเคยต้องโทษหลายครั้ง ตามใบทำผิดฐานลักทรัพย์จริง จึงต้องถือว่า ในข้อหาฐานเป็นคนเคยต้องโทษหลายครั้งตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องก็ดี ข้อหาฐานลักทรัพย์ในคดี ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดเด็ดขาดแล้วและจำเลยเคยยื่นอุทธรณ์ไว้ แต่ก็ได้ถอนอุทธรณ์เสียแล้ว บัดนี้ จำเลยมาร้องข้อให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า โทษครั้งที่ ๕, ๖ ตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ และเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙ (๔) ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share