คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ของจำเลยโดยเห็นว่าจำเลยมิใช่คนยากจนไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลและไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน 17,931,569.89 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี ของต้นเงิน 12,890,022.51 บาท นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 2544 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในต้นเงินรวม 14,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในต้นเงินรวม 4,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 มีนาคม 2544 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 8953 เลขที่ดิน 25 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีและที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 744 และ 1273 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งสามแปลงของจำเลยที่ 2 กับทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ตามส่วนความรับผิดของจำเลยแต่ละคนแก่โจทก์จนครบ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในกรณีนี้จะต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นเกินกำหนด จึงไม่ชอบ ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นยังคงเห็นว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิใช่คนยากจนไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลและไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาตามคำขอ จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งเกิน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นไต่สวนอนาถาไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามมาตรา 149 วรรคท้าย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ ค่าคำร้องเป็นพับ จึงไม่ชอบ และที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามารวม 200 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา จึงต้องคืนให้”
พิพากษายืน หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังประสงค์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อไป ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษาศาลฎีกา คืนค่าคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ในศาลชั้นต้นและคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจำนวน 200 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ.

Share