คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสโดยจำเลยใช้มือชกถูกแก้มและเตะถูกขากรรไกรซ้ายหัก ดังนี้แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยเตะผู้เสียหายขากรรไกรขวาหักต่างกับฟ้องจริงก็ดี ข้อเท็จจริงเป็นแต่เพียงรายละเอียดของฟ้องไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งฟ้อง ไม่ถึงกับต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือและเท้าทำร้ายพลตำรวจวีระ โดยชกถูกแก้มขวามีบาดเจ็บบอบช้ำ และใช้เท้าเตะถูกขากรรไกรเป็นบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๕๖
จำเลยต่อสู้ว่าพลตำรวจวีระเมากระชากบิดาเลี้ยงจำเลย จำเลยห้าม พลตำรวจวีระทำร้ายจำเลย ๆ จึงต่อสู้ป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ปลักพลตำรวจวีระแล้วชกถูกที่ไหล่ ๑ ที เตะถูกบริเวณใบหน้าขากรรไกรขวาหัก แม้ตามฟ้องจะกล่าวว่าขากรรไกรซ้ายหักก็ไม่ใช่สำคัญคงฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บสาหัสเป็นความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๖ ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์เถียงในข้อเท็จจริงและเถียงว่าจำเลยเตะถูกขากรรไกรซ้ายหักแต่ทางพิจารณาได้ความว่าขากรรไกรขวาหัก ข้อเท็จจริงจึงต่างกันฟ้อง ต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา เห็นว่าคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อาญา ม.๒๑๘ ข้อที่จำเลยอ้างว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องขอให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.๑๙๒ นั้นศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยเตะผู้เสียหายขากรรไกรขวาหักต่างกับฟ้องจริงก็ดี ข้อเท็จจริงนี้ก็เป็นเพียงแค่รายละเอียดของฟ้องไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งฟ้อง ไม่ถึงกับต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญาม.๑๙๒ พิพากายืน

Share