คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851-853/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 1332 ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินธรรมดาสำหรับที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 41บัญญัติว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้แต่โดยพระราชบัญญัติเท่านั้นดังนั้นแม้จะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนจากการขายทอดตลาดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ และวัดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินก็ไม่มีหน้าที่คืนหรือชดใช้ราคาแก่ผู้ซื้อเพราะกรณีไม่เข้ามาตรา 1332
บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของวัดกลางมาแต่สร้างวัดเช่นนี้หาเป็นเคลือบคลุมไม่ กรณีวัดจะได้ที่มาโดยเหตุใด เมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและไม่มีทางที่จะหลงผิดในการต่อสู้คดี
เจ้าอาวาสแห่งวัดมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้อ้างฎีกาที่ 823,824,825/2496
การมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจทำการแทนตัวการนั่นเอง และการแต่งตั้งตัวแทนนั้นจะแต่งตั้งโดยเปิดเผยหรือโดยปริยายก็ได้(มาตรา 797 วรรคสอง) และกิจการใดที่กฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย การที่ทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมหมายถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง(มาตรา 9)ส่วนสำหรับตัวแทนหรือผู้รับมอบนั้นหามีกฎหมายใดบังคับให้ต้องลงนามด้วยไม่
ข้อกฎหมายที่เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้ามหาฎีกาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสามสำนวนนี้โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดกลาง ให้ขับไล่จำเลยอย่าให้มาเกี่ยวข้อง

จำเลยทั้งสามต่างให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของตน เฉพาะนางทิมจำเลยฟ้องแย้งว่าได้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาล หากจะต้องตกไปเป็นของโจทก์ ๆ ต้องรับใช้ราคาที่ดิน

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทภายในเส้นสีแดงทั้งแปลงเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดกลาง ให้ขับไล่จำเลยและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปกับให้ยกฟ้องแย้งของนางทิมเสีย

จำเลยทั้ง 3 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่พิพาทหมาย 1,2,3 ในแผนที่กลางเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดกลาง นอกจากนี้ยืน

จำเลยทั้ง 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่านางทิม ศรีธัญรัตน์ จำเลยยกข้อกฎหมายขึ้นฎีกาว่าตนซื้อที่พิพาทตอนหมายเลข 1 มา โดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล แม้ที่นี้จะเป็นที่ของวัดจำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ตาม มาตรา 1332 ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 1332 ใช้บังคับได้แต่เฉพาะทรัพย์สินธรรมดา สำหรับที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 41 บัญญัติว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้แต่โดยพระราชบัญญัติ ที่สองประเภทนี้จึงมีลักษณะเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 106 ซึ่งไม่อาจจะโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เว้นแต่จะมีพระราชบัญญัติ ให้อำนาจไว้เป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้แม้จำเลยได้ซื้อที่พิพาทหมายเลข 1 ไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจำเลยก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตอนนี้อยู่นั่นเอง และโจทก์ก็ไม่มีหน้าที่คืนหรือชดใช้ราคาให้แก่นางทิมจำเลยเพราะโจทก์ไม่ได้เป็นผู้ขาย กรณีไม่เข้ามาตรา 1332

นางทุมมาฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ได้บอกว่าวัดสร้างมาเมื่อใดและได้ที่พิพาทมาอย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ของวัดแล้ว วัดจะได้ที่นั้นมาโดยเหตุใดและเมื่อใดก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะเมื่อเป็นที่ของวัดแล้วผู้ใดจะแย่งกรรมสิทธิ์ที่นั้นไปจากวัดไม่ได้ กรรมสิทธิ์จะโอนไปจากวัดได้แต่โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วข้างต้น จำเลยมีทางได้ที่นี้แต่โดยพิสูจน์ว่าเป็นที่ของจำเลยไม่ใช่ที่ของวัดเท่านั้น อีกประการหนึ่งในฟ้องของโจทก์ก็ได้ระบุไว้แล้วว่าที่พิพาทเป็นของวัด จึงไม่มีทางที่จำเลยจะผิดหลงในการต่อสู้คดี ทั้งในการพิจารณาก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความขัดข้องในการต่อสู้คดีเนื่องจากฟ้องโจทก์มีข้อความไม่ชัดเจนแต่ประการใด

นางทุมมาฎีกาว่าเจ้าอาวาสวัดกลางแต่องค์เดียวไม่มีสิทธิมอบอำนาจให้โจทก์ดำเนินคดีแทนวัดได้ ข้อนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยโดยคำพิพากษาฎีกาที่ 823, 824, 825 พ.ศ. 2496 แล้วว่าเจ้าอาวาสแห่งวัดอาจมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้

นางทุมมาฎีกาว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของเจ้าอาวาสไม่สมบูรณ์ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่าการมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจทำการแทนตัวการนั่นเอง การแต่งตั้งตัวแทนนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 วรรค 2 บัญญัติว่าจะแต่งตั้งโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ได้เพราะฉะนั้นในบางกรณีแม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือเลยก็อาจตั้งตัวแทนได้ มาตรา 798 เป็นแต่บัญญัติว่ากิจการใดท่านบังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้องทำเป็นหนังสือการตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นก็ต้องทำเป็นหนังสือ กิจการใด กฎหมายบังคับไว้ว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการนั้นก็ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย การที่ว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือในมาตรานี้ย่อมหมายความถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้ทำการแต่งตั้งนั้น ตามหลักทั่วไปที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 9 สำหรับตัวแทนไม่มีกฎหมายใดบังคับว่าจะต้องลงนามในหนังสือแต่งตั้งหรือมอบอำนาจนั้นด้วย ส่วนที่จำเลยอ้างว่าใบมอบอำนาจเลื่อยลอยไม่ได้ระบุให้ฟ้องขับไล่ผู้ใดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้ออ้างนั้นจำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกาจึงต้องห้ามไม่จำต้องพิจารณา

จึงพิพากษายืน

Share