คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอยู่และจำเลยที่ 1แย่งการครอบครองของโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะได้รับตราจอง ก็หาได้สิทธิในที่ดินรายนี้ไม่การที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับโอนต่อๆ มาโดยทางยกให้ ก็หาทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 ไม่
ในคดีแพ่ง เมื่อไม่ได้ยกเรื่องอายุความต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ย่อมฎีกาเรื่องอายุความไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาท จำเลยที่ 1 แย่งการครอบครองของโจทก์และได้รับตราจองจำเลยที่ 2-3 ได้รับโอนต่อ ๆ มาแล้วขายให้จำเลยที่ 4 ๆ รับซื้อไว้โดยไม่สุจริต

ศาลชั้นต้นว่า โจทก์สืบไม่ได้สมฟ้อง ให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ และชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยขัดขวางการครอบครองของโจทก์ ให้เพิกถอนตราจอง และเพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาททั้งหมด

จำเลยที่ 1 และที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอยู่และจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครองของโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 จะได้รับตราจอง ก็หาได้สิทธิในที่ดินรายนี้ไม่ ตามนัยฎีกาที่ 1045/2485 และฎีกาที่ 853/2493 การที่ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับโอนต่อ ๆ มาโดยทางยกให้ก็หาทำให้จำเลยที่ 2-3 มีสิทธิดีกว่าจำเลยที่ 1 ไม่

ที่จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374, 1375 นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ปัญหาเช่นว่านี้จะต้องยกขึ้นว่ากันมาแล้วทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาข้อนี้หาได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ไม่ และไม่เข้ายกเว้นในวรรค 2 มาตรา 249 นั้น จึงฎีกาไม่ได้แบบอย่างฎีกาที่ 84/2489

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share