คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้ว และเมื่อโจทก์นำส่งศาล เวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนี้ย่อมรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟัง ก็พอแล้ว เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 และพระราชบัญญัติกักกัน ฯลฯ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 8 เดือนเมื่อพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกัน มีกำหนด 3 ปี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนนั้น โจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานของโจทก์แล้ว เมื่อโจทก์นำส่งศาลเวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนั้นจึงรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟังก็พอแล้วเพราะ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น โจทก์จะต้องคัดสำเนาก็ต่อเมื่อจำเลยต้องการและศาลเห็นสมควรสั่งเช่นนั้น

ส่วนปัญหาข้อกฎหมายที่เถียงว่า พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย 2479 ใช้บังคับไม่ได้เพราะเป็นกฎหมายขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ข้อโต้เถียงของจำเลยฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share