แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางภารจำยอมเดิมเป็นที่ต่ำยามฝนตกน้ำท่วมขังต้องใช้ไม้พาดเป็นทางเดินส่วนทางที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์สร้างขึ้นใหม่เป็นคอนกรีตเดินได้ทุกฤดูกาลสะดวกกว่าทางภารจำยอมเดิมแม้จะคดโค้งหักงอเป็นข้อศอกแต่ก็ไม่ทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้นมากนักเมื่อพิจารณาถึงความสะดวกของเส้นทางดังกล่าวซึ่งมีมากกว่าทางภารจำยอมเดิมประกอบกับประโยชน์ที่เจ้าของภารยทรัพย์ได้รับจากการปลูกสร้างบ้านในบริเวณที่เหมาะสมภายในที่ดินของตนโดยไม่ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไว้ให้เสียหายรวมตลอดถึงเจตนารมณ์ของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1392ที่ต้องการให้เป็นหลักประนีประนอมอันดีระหว่างประโยชน์ของเจ้าของภารยทรัพย์และความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ไม่ให้ถือเคร่งตามสิทธิเกินไปการย้ายทางภารจำยอมไปยังทางที่สร้างขึ้นใหม่จึงไม่ทำให้ความสะดวกของจำเลยลดน้อยลงโจทก์จึงเรียกให้ย้ายทางภารจำยอมดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขณะโจทก์ทำการปลูกสร้างบ้านพักอาศัยลงในที่ดินของโจทก์จนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ทางภารจำยอมผ่านกลางที่ดินและบ้านของโจทก์ หลังจากนั้นโจทก์ได้สร้างทางเดินใหม่เป็นพื้นคอนกรีตกว้างเท่ากับภารจำยอม ความยาวใกล้เคียงกันและสามารถใช้เข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้เหมือนเดิม ไม่ทำให้ความสะดวกสบายของจำเลยลดลงหรือได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด โจทก์แจ้งความจำนงขอย้ายทางภารจำยอมต่อจำเลยแล้วแต่จำเลยไม่ยอม จึงขอให้บังคับจำเลยย้ายทางภารจำยอมไปยังทางเดินที่สร้างขึ้นใหม่ โดยโจทก์ยอมรับเสียค่าใช้จ่าย หากจำเลยไม่สามารถตกลงยินยอมได้ ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำโดยไม่สุจริต เพราะโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่า บริเวณที่โจทก์สร้างบ้านมีทางเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะของเจ้าของที่ดินอื่นมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้วทางเดินที่โจทก์สร้างใหม่คดโค้งทำให้ความสะดวกของจำเลยลดลงจำเลยไม่เคยได้รับแจ้งความจำนงขอย้ายทางภารจำยอมจากโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ย้ายทางภารจำยอมเดิมไปใช้ทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่ด้วยค่าใช้จ่ายของโจทก์เอง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่คดโค้งหักงดเป็นข้อศอกทำให้ความสะดวกของจำเลยทั้งเก้าลดน้อยลงนั้นเห็นว่า ถึงแม้ทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่จะคดโค้งหักงดเป็นข้อศอก แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่า ทางภารจำยอมเดิมเป็นที่ต่ำ ยามฝนตกน้ำท่วมขังเฉอะแฉะ ต้องใช้ไม้พาดเป็นทางเดินส่วนทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่เป็นคอนกรีต เดินได้ทุกฤดูกาลสะดวกกว่าทางภารจำยอมเดิม การที่โจทก์สร้างทางขึ้นใหม่มีลักษณะคดโค้งหักงดเป็นข้อศอกเลียบไปตามริมแนวเขตที่ดินของโจทก์ซึ่งมีเนื้อที่เพียง 88 ตารางวา ออกไปสู่ทางสาธารณะในบริเวณใกล้กับทางภารจำยอมเดิมย่อมจะทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เมื่อพิจารณาถึงความสะดวกของเส้นทางดังกล่าว ซึ่งมีมากว่าทางภารจำยอมเดิม ประกอบกับประโยชน์ที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของภารย้ทรัพย์ ได้รับจากการปลูกสร้างบ้านในบริเวณที่เหมาะสมภายในที่ดินของตนโดยไม่ต้องรื้อถอนส่วนที่ปลูกสร้างไว้ให้เสียหาย รวมตลอดถึงเจตนารมณ์ของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1392 ที่ต้องการให้เป็นหลักประนีประนอมอันดีระหว่างประโยชน์ของเจ้าของภารยทรัพย์และความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ ไม่ให้ถือเคร่งตามสิทธิเกินไปศาลฎีกาเห็นว่า การย้ายทางภารจำยอมจากที่เดิมไปยังที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่หาทำให้ความสะดวกของจำเลยลดน้อยลงไม่ โจทก์จึงเรียกให้ย้ายทางภารจำยอมดังกล่าวไปยังทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า ทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่เลียบติดตัวบ้านโจทก์ซึ่งมีประตูหน้าต่างออกมากีดขวาง และอาจมีสิ่งของเครื่องใช้ออกมาในทางทำให้ความสะดวกของจำเลยลดลง โจทก์กับจำเลยมีเรื่องบาดหมางกันจำเลยย่อมมีโอกาสถูกโจทก์กลั่นแกล้งได้จะทำให้มีข้อพิพาทกันไม่มีที่สุดนั้นเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ อีกทั้งมิได้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ที่จำเลยทั้งเก้าฎีกาว่า ทางที่โจทก์สร้างขึ้นใหม่มิได้ออกสู่ทางสาธารณะและทางดังกล่าวจะอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่ยังไม่เป็นที่แน่นอนล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงที่ฟังได้ยุติแล้วทั้งสิ้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน