คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่อยู่ในดุลพินิจ เมื่อโจทก์ยื่นคำขอและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว มาตรา 198 วรรคสาม ให้ศาลกำหนดวันสืบพยานส่งให้จำเลยทราบ
ศาลได้ประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสือพิมพ์แล้ว และโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป เมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวนัดหนึ่งแล้วโจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชำระหนี้ที่เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์ เป็นจำนวนเงิน ๕๒๘,๒๖๘.๗๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ได้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๑ โดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การภายในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๒ ได้โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๒ ได้แต่งทนายความ และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ต่อไป โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ ๑ ปาก และส่งเอกสารเป็นพยานรวม ๑๓ ฉบับ แล้วแถลงขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๓๐ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา และได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ ๑ ทราบไว้ที่หน้าศาล ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อ ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ เป็นการที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ นั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ และให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เห็นได้ว่ามีวัตถุประสงค์ให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนดแต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่อยู่ในดุลพินิจ เมื่อโจทก์ยื่นคำขอและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว มาตรา ๑๙๘ วรรคสาม ให้กำหนดวันสืบพยานส่งให้จำเลยทราบ คดีนี้ศาลได้ประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสืบพิมพ์แล้ว และโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และเมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ แล้ว โจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป.

Share