คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสือพิมพ์ ครั้นถึงวันนัดโจทก์นำพยานเข้าสืบ 1 ปากและส่งเอกสาร 13 ฉบับ แล้วขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อ ศาลชั้นต้นตรวจ สำนวนพบว่า จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ และโจทก์ก็ไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันนัดสืบพยานครั้งแรกเสีย และให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความกรณีเห็นได้ ว่าโจทก์ได้ มาดำเนิน กระบวนพิจารณาตาม นัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนิน คดีต่อไป ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาและให้จำหน่ายคดี เป็นการไม่ชอบ.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันรับผิดชำระหนี้ที่เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์ สาขาพัทยา นับถึงวันฟ้องเป็นจำนวนเงิน 528,268.79 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ19 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ได้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2529 และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29 ธันวาคม 2529เวลา 13.30 นาฬิกา ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2ได้โดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2529 ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ คือวันที่ 29 ธันวาคม 2529 เวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยที่ 2 ได้แต่งให้นายจินดา ติยวัฒน์ เป็นทนายความของจำเลยที่ 2และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ต่อไป โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ 1 ปาก และส่งเอกสารเป็นพยานรวม13 ฉบับแล้วแถลงขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือในนัดต่อไปศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 27 มกราคม 2530 เวลา 13.30นาฬิกา และได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบไว้ที่หน้าศาลครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อ คือวันที่ 27 มกราคม 2530 เวลา 13.30นาฬิกา ศาลชั้นต้นตรวจสำนวนพบว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำให้การเลย และโจทก์ก็ไม่ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ เป็นการที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันที่ 29 ธันวาคม 2529 นั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เข้าใจว่าที่ศาลได้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29 ธันวาคม 2529 นั้น จำเลยยื่นคำให้การแล้ว แต่ปรากฏต่อมาว่าจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ โจทก์จึงดำเนินการสืบพยานต่อมา แสดงว่าโจทก์มีเจตนาจะดำเนินคดีต่อจำเลยต่อไป ควรให้โอกาสโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเสียก่อน นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคสอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เห็นได้ว่ามีวัตถุประสงค์มิให้โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่กำหนด แต่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่อยู่ในดุลพินิจ เมื่อโจทก์ยื่นคำขอและศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว มาตรา 198 วรรคสาม ให้กำหนดวันสืบพยานส่งให้จำเลยทราบ คดีนี้ศาลได้ประกาศวันนัดให้จำเลยยื่นคำให้การและวันนัดสืบพยานโจทก์ทางหนังสือพิมพ์แล้ว และโจทก์ได้มาดำเนินกระบวนพิจารณาตามนัดทุกครั้ง แสดงว่าโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และเมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2529 แล้ว โจทก์ก็อาจมีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในวันที่ 29 ธันวาคม 2529 และให้จำหน่ายคดี นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย…”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ลงวันที่27 มกราคม 2530 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป.

Share