คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การไสไม้ ตัดไม้ บังใบ แม้จะกระทำต่อไม้ที่แปรรูปแล้ว แต่ก็ย่อมทำให้รูปและขนาดของไม้เปลี่ยนไป ไม่มากก็น้อย จึงเป็นการแปรรูปไม้ตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานไสไม้และซอยไม้จากกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512 แต่เมื่อโรงงานของจำเลยตั้งอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2482 มาตรา 48 ซึ่งแก้ไขแล้ว คือจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรม คือจำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้เพื่อการค้า โดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีไม้เต็งและไม้แดงปริมาตร 10.368 ลูกบาศก์เมตร ที่ยังมิได้แปรรูปและไม่มีรอยตรา ค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายประทับอยู่ในความครอบครองโดยจำเลยพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม้นั้นได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยได้นำไม้ดังกล่าวมาจากที่อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือจำเลยรับไม้หวงห้ามดังกล่าวจากผู้ซึ่งได้มาโดยการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 47, 48, 69, 70, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ฯลฯ ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 69 ลงโทษจำคุก 5 ปี รับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในห้าา คงจำคุก 4 ปี และมีความผิดตามมาตรา 48 ประกอบด้วยมาตรา 73ลงโทษจำคุก 1 ปี รวมลงโทษจำคุก 5 ปี ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะจำเลยใช้เครื่องมือแปรรูปไม้ของกลาง ไสไม้ ตัดไม้ ทำบังใบไม้ ซึ่งเป็นไม้แปรรูปแล้วในโรงค้าไม้ที่จำเลยได้รับอนุญาตทั้งนี้เป็นการทำหรือตกแต่งให้ได้ขนาดตามที่ลูกค้าต้องการ ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวแม้จะเป็นการกระทำต่อไม้ที่แปรรูปแล้ว ก็ถือว่าเป็นการแปรรูปไม้ตามกฎหมาย เพราะมิฉะนั้นแล้ว มาตรา 50(2) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ข้อ 6 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 คงไม่บัญญัติยกเว้นมิให้นำมาตรา 48 มาใช้บังคับกับการแปรรูปไม้ที่แปรรูปมาแล้วจากไม้ซุงหรือไม้ท่อนที่มิใช่เพื่อการค้าทั้งตามมาตรา 4(3) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2494นอกจากจะมีบัญญัติว่าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เลื่อย ผ่า ถาก ขุดเป็นการแปรรูปไม้แล้ว ยังบัญญัติว่าการกระทำด้วยประการใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม นอกจากลอกเปลือกหรือการตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลากว่าเป็นการแปรรูปไม้ด้วย การไสไม้ ตัดไม้ บังใบ และจะเป็นไม้แปรรูปแล้ว แต่ก็ย่อมทำให้รูปและขนาดของไม้เปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย จึงเป็นการแปรรูปไม้ตามกฎหมาย ทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อการค้า จำเลยจึงไม่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 50 ดังกล่าวข้างต้น แม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานไสไม้และซอยไม้จากกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งออกตามพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. 2512 แต่โรงงานของจำเลยก็ตั้งอยู่ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19จำเลยจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 อีกโสดหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตตามบทบัญญัติดังกล่าวจำเลยจึงมีความผิดฐานนี้ด้วย

พิพากาษายืน

Share