แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีล้มละลายโจทก์ต้องยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้นการที่ไม่ปรากฏหลักฐานใดยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ทราบภูมิลำเนาจำเลยมาก่อน มิใช่โจทก์ไม่อาจทราบภูมิลำเนาของจำเลยภายหลังที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องแล้ว หรือจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปภายหลังโดยโจทก์ไม่อาจทราบที่อยู่ใหม่ จึงไม่อาจใช้วิธีส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบด้วยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้อง แต่ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไม่ได้เพราะหาบ้านไม่พบ โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ประกาศโฆษณาให้จำเลยทราบคำฟ้องทางหนังสือพิมพ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์คัดสำเนาทะเบียนบ้านตามฟ้องหรือหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาลชั้นต้นมาแสดง โจทก์ยื่นคำแถลงว่าได้นำสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยมาแสดงโดยแนบมาพร้อมคำแถลงแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามสำเนาทะเบียนบ้านท้ายคำแถลงไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยมีภูมิลำเนาตามฟ้องมาก่อน ประกอบกับคำแถลงฉบับลงวันที่ 14 กันยายน 2533 ของโจทก์ก็ว่าไม่ทราบว่าจำเลยอยู่จังหวัดใด กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาลจังหวัดชลบุรีในขณะฟ้องหรือในระยะ 1 ปีก่อนฟ้อง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาพิพากษา การที่ศาลมีคำสั่งรับฟ้องโจทก์จึงเป็นการสั่งโดยผิดพลาดหรือผิดหลงจึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องดังกล่าวเสีย และไม่รับฟ้องโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ทั้งหมด จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 150 บัญญัติว่า “การยื่นคำฟ้องหรือคำร้องขอให้ล้มละลายให้ยื่นต่อศาลซึ่งลูกหนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือประกอบธุรกิจอยู่ในเขตไม่ว่าด้วยตนเองหรือโดยตัวแทนในขณะที่ยื่นคำฟ้องหรือคำร้องขอหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้น” ตามบทบัญญัติดังกล่าวสำหรับกรณีของโจทก์นั้น โจทก์ต้องยื่นคำฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้นแต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นในขณะเมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้อง หรือในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนฟ้องมาแต่แรกแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยตามภูมิลำเนาที่จำเลยบอกแก่โจทก์ไว้ ก็ไม่ปรากฏหลักฐานใดยืนยันให้เห็นว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามฟ้องดังที่โจทก์ฎีกา จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ทราบภูมิลำเนาของจำเลยมาก่อน มิใช่โจทก์ไม่อาจทราบภูมิลำเนาของจำเลยภายหลังที่โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว หรือจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปภายหลังโดยโจทก์ไม่อาจทราบที่อยู่ใหม่ซึ่งอาจใช้วิธีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบด้วยวิธีอื่นโดยการประกาศหนังสือพิมพ์แทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้
พิพากษายืน