คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10611/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดมาตรการและวิธีการคุ้มครองบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 66 ประกอบระเบียบของที่ประชุมใหญ่ในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ 77 ที่กำหนดให้นำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งลักษณะ 1 ของภาค 4 วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ เป็นการกระทำตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันเกี่ยวด้วยคดีซึ่งศาลได้กระทำต่อคู่ความฝ่ายหนึ่งและเป็นกระบวนพิจารณาก่อนที่ศาลชี้ขาดตัดสินคดี อันเป็นการพิจารณาคดีของศาลตามความหมายของคำว่า กระบวนพิจารณา และการพิจารณา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (7) และ (8) ก็ตาม แต่ก็แยกพิจารณาได้เป็นอีกส่วนหนึ่งจากการพิจารณาพิพากษาในเนื้อหาแห่งคดีที่ฟ้องร้องกัน ทั้งกระบวนพิจารณาของศาลปกครองกลางในการออกคำสั่งดังกล่าวก็ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คงเหลือแต่ผลบังคับถึงจำเลยที่ 2 ให้ต้องปฏิบัติตามเป็นการชั่วคราวก่อนที่คดีที่ฟ้องร้องกันนั้นจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากจำเลยที่ 2 ซึ่งทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตาม กระบวนพิจารณาที่เสร็จสิ้นไปแล้วก็ไม่อาจถูกขัดขวางทำให้ไม่สะดวกหรือต้องติดขัดจากการกระทำดังกล่าวไปได้ ทั้งการพิจารณาพิพากษาในเนื้อหาแห่งคดีที่ฟ้องร้องกันก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้เป็นอีกส่วนหนึ่ง การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวจึงไม่เป็นการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาลอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 198

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 942/2551 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีใหม่ จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงคดีนี้รับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร คสล 4 ชั้น 1 หลัง จากจำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลักหก ตามใบอนุญาตเลขที่ 116/2547 ขณะที่ทำการก่อสร้างอาคารไปได้ร้อยละ 25 นางลัดดาวัลย์กับพวกยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1509/2547 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่อนุญาตให้จำเลยที่ 2 ทำการก่อสร้างอาคารพิพาท ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในคดีดังกล่าว ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดมาตรการและวิธีการคุ้มครองบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ออกคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ระงับการก่อสร้างดังกล่าวและทำการควบคุมมิให้จำเลยที่ 2 ทำการก่อสร้างหรือกระทำการใดๆ อันเป็นมูลเหตุแห่งการฟ้องร้องและสั่งให้จำเลยที่ 2 ระงับการก่อสร้างอาคาร จำเลยทั้งสองทราบคำสั่งของ ศาลปกครองกลางแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โดยจำเลยที่ 1 ไม่ทำการควบคุมจำเลยที่ 2 ให้หยุดการก่อสร้าง ส่วนจำเลยที่ 2 ทำการก่อสร้างอาคารพิพาทต่อไปจนแล้วเสร็จและเปิดใช้อาคาร มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 2 ฝ่าฝืนคำสั่งกำหนดมาตรการและวิธีการคุ้มครองบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองกลาง เป็นการขัดขวางการพิจารณา อันเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้ศาลปกครองกลางมีอำนาจออกคำสั่งดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 66 ประกอบระเบียบของที่ประชุมใหญ่ในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ. 77 ที่กำหนดให้นำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 1 ของภาค 4 วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (7) บัญญัติว่า กระบวนพิจารณา หมายความว่า การกระทำใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้อันเกี่ยวด้วยคดี ซึ่งได้กระทำไปโดยคู่ความในคดีนั้น หรือโดยศาลหรือตามคำสั่งของศาล ไม่ว่าการนั้นจะเป็นโดยคู่ความฝ่ายใดทำต่อศาลหรือต่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง หรือศาลทำต่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทุกฝ่ายและรวมถึงการส่งคำคู่ความและเอกสารอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ และ (8) บัญญัติว่า การพิจารณา หมายความว่า กระบวนพิจารณาทั้งหมดในศาลใดศาลหนึ่งก่อนศาลนั้นชี้ขาดตัดสินหรือจำหน่ายคดีโดยคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งทำให้การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งกำหนดมาตรการและวิธีการคุ้มครองบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาเป็นการกระทำตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อันเกี่ยวด้วยคดีซึ่งศาลได้กระทำต่อคู่ความฝ่ายหนึ่งและเป็นกระบวนพิจารณาก่อนที่ศาลชี้ขาดตัดสินคดี อันเป็นการพิจารณาคดีของศาลก็ตาม แต่ก็แยกพิจารณาได้เป็นอีกส่วนหนึ่งจากการพิจารณาพิพากษาในเนื้อหาแห่งคดีที่ฟ้องร้องกัน ทั้งกระบวนพิจารณาของศาลปกครองกลางในการออกคำสั่งดังกล่าวก็ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คงเหลือแต่ผลบังคับถึงจำเลยที่ 2 ให้ต้องปฏิบัติตามเป็นการชั่วคราวก่อนที่คดีที่ฟ้องร้องกันนั้นจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากจำเลยที่ 2 ซึ่งทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตามและยังฝ่าฝืนก่อสร้างอาคารต่อจนเสร็จ กระบวนพิจารณาที่เสร็จสิ้นไปแล้วก็ไม่อาจถูกขัดขวางทำให้ไม่สะดวกหรือต้องติดขัดจากการกระทำดังกล่าวไปได้ ทั้งการพิจารณาพิพากษาในเนื้อหาแห่งคดีที่ฟ้องร้องกันก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้เป็นอีกส่วนหนึ่ง จึงไม่เป็นการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล การกระทำของจำเลยที่ 2 ตามที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 กรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นต่อไปเพราะไม่เป็นสาระอันจะทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share