คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายและจำเลยยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) และย่อมทำให้คำขอในส่วนแพ่งของพนักงานอัยการโจทก์ที่ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายตกไปด้วย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๒๖๘, ๓๔๑, ๙๑, ๘๓ และ ๓๓ ริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสองคืนเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องเป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๖๖ (๑), ๓๔๑ ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันใช้เอกสารปลอม เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม ทั้งนี้ ฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอม จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ จำคุก ๓ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ริบของกลาง ให้จำเลยที่ ๑ คืนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงระงับไปแล้วหรือไม่ เห็นว่า หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค ๙ มีคำพิพากษา ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า ผู้เสียหายได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งจำนวน ๑๐๓,๔๗๘ บาท จากฝ่ายจำเลยแล้ว จึงไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ ๑ อีกต่อไป ปรากฏตามคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยที่ ๑ ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดีถึงที่สุด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานดังกล่าวจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) และย่อมทำให้คำขอในส่วนแพ่งของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ ๑ คืนเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหายตกไปด้วย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕

Share