แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ร้านเกิดเหตุเป็นร้านขายสุราอาหารไม่ใช่สำนักโสเภณีที่เจ้าพนักงานตำรวจปลอมตัวไปเป็นลูกค้าขอร่วมประเวณีกับบ.ก็เป็นการพูดจาชักชวนกันและตกลงกันเองระหว่างทั้งสองคนไม่ปรากฏว่าจำเลยเข้าไปมีส่วนจัดการเลยการที่จำเลยสั่งให้หญิงบริการไปบริการลูกค้าเป็นปกติของการค้าส่วนที่จำเลยรับเงินจากบ. เป็นเพียงทำหน้าที่พนักงานเก็บเงินของร้านจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งบ.เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282, 286, 91
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282 วรรคแรก จำคุก 3 ปี ข้อหา อื่น ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่านางสาวดวงพร เป็นเจ้าของกิจการร้านบาร์สไปรท์ซึ่งขายสุราอาหารมีพนักงานบริการหญิงหลายคน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2535 เวลา1.30 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอกณเรศร์ จ่าสิบตำรวจวิเชียร กับพวกรวม 3 คน วางแผนเพื่อจับกุมการค้าประเวณีตามร้านบาร์เบียร์โดยทั้งสามคนแต่งกายนอกเครื่องแบบทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปที่ร้านบาร์สไปรท์แล้วให้จ่าสิบตำรวจวิเชียรเป็นผู้ร่วมประเวณีกับหญิงบริการ ซึ่งจ่าสิบตำรวจวิเชียรได้ชักชวนนางสาวบุญยองไปร่วมประเวณีด้วยในราคา 120 บาท เสร็จแล้วก็ทำการจับกุมจำเลย นางสาวดวงพรและหญิงที่ค้าประเวณีรวม 8 คนไปดำเนินคดีคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งนางสาวบุญยอง เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของจ่าสิบตำรวจวิเชียรหรือไม่ เห็นว่าร้านบาร์สไปรท์เป็นร้านขายสุราอาหาร ไม่ใช่สำนักโสเภณีที่จ่าสิบตำรวจวิเชียรได้ร่วมประเวณีกับนางสาวบุญยอง ก็เป็นการพูดจาชักชวนกันและตกลงกันเองระหว่างทั้งสองคน ไม่ปรากฏว่าจำเลยเข้าไปมีส่วนจัดการเลยการที่จำเลยสั่งให้หญิงบริการไปบริการลูกค้าเป็นปกติของการค้าส่วนที่จำเลยรับเงินจากนางสาวบุญยอดอย่างมากคงเป็นเพียงทำหน้าที่พนักงานเก็บเงินของร้านจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งนางสาวบุญยอง เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของจ่าสิบตำรวจวิเชียร
พิพากษายืน