คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนฉ.ช.00486 จำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียนน.ฐ.01877 ของบริษัทมิตซูบิชิ ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้เช่าซื้อไปจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ผู้แทนจำหน่ายจำเลยที่ 1 ขับรถคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถบรรทุกของโจทก์เสียหายทั้งสิ้น5,000 บาท จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันวินาศภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.ฐ.01877 จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 2 ด้วย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง

จำเลยที่ 1, 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 3 ให้การว่า ได้รับประกันวินาศภัยรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ แต่ห้างนี้ไม่ได้ถูกฟ้องให้รับผิดด้วย จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์ฎีกาให้จำเลยที่ 3 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1, 2

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.01877จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ผู้แทนจำหน่ายและห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเอารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.ฐ.01877 นั้น ประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยหมาย จ.1เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2512 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการค้าที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย และวินิจฉัยว่า กรมธรรม์ประกันภัยตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นสัญญาประกันภัยค้ำจุน ซึ่งตามมาตรา 887วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่า “อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ” ตามบทบัญญัติมาตรานี้ ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ แต่คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.1 ที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่า เมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

จึงพิพากษายืน

Share