คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษจำคุกให้แม้จะเป็นการแก้ไขมาก จำเลยก็จะฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้อง จำเลยรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และได้พกพาอาวุธปืนและลูกระเบิดไปในที่ชุมนุมชนโดยไม่มีเหตุอันสมควร

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมีวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม กระทงหนึ่ง จำคุก 1 ปีฐานพกอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในที่ชุมนุมชนโดยไม่มีเหตุสมควรอีกกระทงหนึ่ง ปรับ 100 บาท รวมโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 2,100 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน ปรับ 1,050 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขออย่าให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไปทีเดียวโดยไม่รอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกไว้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไปทีเดียวโดยไม่รอ แม้จะเป็นการแก้ไขมาก แต่ก็ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดที่ศาลชั้นต้นวางไว้จำเลยจึงฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุก ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ให้ยกฎีกาจำเลย

Share