คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมาททำให้เขาแขนหักรักษาประมาณ 30 วันหายนั้น ยังไม่ถือเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
ฟ้องว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสกระดูกปลายแขนซ้ายหักและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน แต่มิได้นำสืบให้ปรากฎว่าผู้เสียหายต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วันอย่างไร ก็ลงโทษจำเลยฐานทำให้รับอันตรายสาหัสไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๕ เวลากลางวัน จำเลยควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรเรือยนต์โดยสารสาธารณะรับส่งผู้โดยสารและสินค้า ตามชายฝั่งทะเลของอ่าวตะโละกาโปร์ โดยมิได้รับประกาศนียบัตรด้วยความประมาทเป็นเหตุให้เรือยนต์ไปชนกับเสาสะพานบ้านปาเระโดยแรง หลังคาเรือหักลงมาทับนางมีเนาะได้รับอันตรายสาหัส กระดูกปลายแขนซ้ายหักและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน เหตุเกิดตำบลบาราโหม อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.๒๔๕๖ มาตรา ๒๗๗,๒๗๘,๒๘๒ และที่แก้ไข พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๐,๙๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลจังหวัดปัตตานีฟังว่าจำเลยไม่ได้ขับเรือ แต่นายโน๊ะเจ้าของเรือเป็นผู้ขับ วันเกิดเหตุมีพายุใต้ฝุ่นพัดเชือกผูกเรือขาดไปกระแทกเสาสะพาน เป็นเหตุสุดวิสัย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยเป็นผู้ขับเรือเอง เรือชนสะพานเพราะความประมาทของจำเลย ผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัส แต่ลงโทษตามมาตรา ๓๙๐ ได้ ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทยเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายเมื่ออัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจอุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้องเดิมได้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๐ จำคุก ๑ เดือน
โจทก์ร่วมฎีกาว่าได้รับอันตรายสาหัส จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขับเรือและเป็นเรื่องเหตุสุดวิสัย
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ขับเรือ และวันเกิดเหตุไม่มีพายุ เรือมิได้จอดและผูกเชือก เหตุเกิดเพราะเมื่อเรือจะถึงท่าจำเลยมิได้เบาเครื่อง เรือจึงไปชนเสาสะพานหลังคาเรือซึ่งบรรทุกของอยู่เต็มพังลงมาทับผู้เสียหาย เพราะความประมาทของจำเลยจริงดังฟ้อง
ส่วนที่โจทก์ร่วมว่าได้รับอันตรายสาหัสนั้น ปรากฎตามรายงานชันสูตรบาดแผลหลังเกิดเหตุ ๑๓ วัน ว่าผู้เสียหายกระดูกปลายแขนซ้ายหักมีแผลเปื่อยอยู่ตรงบริเวณกระดูกหัก แพทย์ลงความเห็นว่าถ้ารักษาตามแผนปัจจุบันประมาณ ๓๐ วันหาย ศาลฎีกาเห็นว่า ลำพังแขนหักยังไม่เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ ตามฟ้องโจทก์ยกเหตุเฉพาะในข้อทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนาเกินกว่า ๒๐ วัน แต่โจทก์ก็มิได้นำสืบให้ปรากฎว่าผู้เสียหายต้องทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บด้วยทุกขเวทนากล้าเกิน ๒๐ วันอย่างไร จึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ ไม่ได้
พิพากษายืน

Share