แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีเครื่องเพ็ชรโจทก์ไปจำนำไว้ต่อผู้มีชื่อคนหนึ่ง โดยโจทก์ตกลงจะเป็นผู้ไถ่เอง ต่อมาโจทก์ได้รับจดหมายซึ่งจำเลยทำปลอมว่าเป็นของผู้มีชื่อคนนั้นมาถึงจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้ส่งให้โจทก์ มีใจความว่าให้จำเลยช่วยเก็บดอกเบี้ยจากโจทก์และให้เร่งรัดโ7ทก์ให้รีบไถ่ของคืน ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง จะได้ทำตามอุบายหลอกลวงที่จำเลยมีต่อโจทก์นั้น แต่โจทก์ยังไม่ได้ทำตามเอกสารนั้นเลย ดังนี้ โ7ทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายจากเอกสารนั้น จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจทำเอกสารปลอมว่าเป็นของนางทองอู่ขึ้นทั้งฉบับ ถึงจำเลยเพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๙, ๒๖๘,๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ต้องฟังตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว ซึ่งได้ความว่าโ๗ทก์กับจำเลยได้เคยทำการแลกเปลี่ยนเครื่องเพ็ชรต่อกันเสมอ ครั้งหลัง ๆ จำเลยได้ยืมเครื่องเพ็ชรของโจทก์ไปจำนำไว้กับนางทองอู่ โดยโจทก์ตกลงจะเป็นผู้ไถ่เอง ต่อมาโจทก์ได้รับจดหมายของจำเลยพร้อมกับแนบจดหมายอันมีข้อความตามฟ้องลงชื่อนางทองอู่อีกฉบับหนึ่ง ต่อมาเมื่อนางทองอู่มาเบิกความในคดีเรื่องหนึ่งจึงทราบว่าจดหมายนั้นไม่ใช่ของนางทองอู่ถึงจำเลย เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์อ้างว่าจำเลยใช้เอกสารนี้ให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง เพื่อโจทก์จะได้ทำตามอุบายหลอกลวงที่จำเลยมีต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวมาแสดงว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เนื่องจากเอกสารฉบับนั้นเลย กล่าวคือ โจทก์ยังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ถอนทรัพย์ที่จำนำไว้กับนางทองอู่ตามที่มีการทวงมาแต่อย่างใด ทั้งการที่โจทก์ได้ตกลงไว้กับนางทองอู่ว่าโ๗ทก์จะเป็นผู้ไถ่เครื่องเพ็ชรที่ให้จำเลยยืมมาจำนำไว้นั้น จำเลยก็ตกอยู่ในสภาพลูกหนี้มีหน้าที่ไถ่ถอนทวงเตือนเร่งรัดให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ทรัพย์อยู่ในตัว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในการนี้ ฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์