คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทายาทหลายคนได้ปกครองเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมาโดยยังไม่ได้แบ่งปันกัน ต่อมาทายาทคนหนึ่งฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกนั้น จากทายาทอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียว มิได้ฟ้องทายาทอันเป็นเจ้าของร่วมคนอื่นเข้ามาในคดีด้วยทายาทคนที่ถูกฟ้องยอมความเอาทรัพย์มรดกที่ทายาทอื่นซึ่งเป็นคนนอกคดีเป็นเจ้าของร่วมด้วยไปแบ่งปันเอาเสียคนเดียวและยอมรับเงินจำนวนหนึ่ง ตกลงโอนทรัพย์นั้นให้เป็นของทายาทผู้ฟ้องคดีทั้งหมดโดยทายาทคนนอกคดีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันทายาทคนนอกคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลยเป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมรดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่า เรือนเป็นทรัพย์มรดกด้วยตามนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียม เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควร สงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม

ย่อยาว

คดีได้ความว่า นางเป้ามีสวนพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง ตามโฉนดที่ 2479 นางเป้าตาย 20 ปีแล้ว ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจึงตกเป็นมรดกได้แก่นางกิมหลีจำเลยที่ 1 และนางเล็กน้องสาว ซึ่งเป็นบุตรนางเป้าคนละครึ่ง นางเล็กเป็นภรรยานายจุ่นโจทก์ มีบุตร 3 คนคือนางชลอ จำเลยที่ 2 ด.ช.เฉลี่ย ด.ช.หรั่งโจทก์ นางเล็กตายเมื่อ 6 ปีมานี้ มรดกของนางเล็กจึงตกได้แก่นายจุ่นและบุตรทั้ง 3 คนได้ครอบครองมรดกมาด้วยกัน ต่อมานางกิมหลีเป็นโจทก์ฟ้องขอแบ่งส่วนของตนจากนางชลอแต่ผู้เดียว มิได้ฟ้อง ฟ้องโจทก์ทั้ง 3 คนในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้รับมรดกความของนางเล็กด้วยในที่สุดนางกิมหลีกับนางชลอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยให้ประมูลหรือขายทอดตลาดที่ดินโดยหักค่าธรรมเนียมออกก่อนแล้วแบ่งเงินกันคนละครึ่ง ศาลแพ่งพิพากษาให้ไปตามยอม ต่อมานางกิมหลีกับนางชลอตกลงกันใหม่ว่า นางกิมหลียอมให้เงินนางชลอ 5,000 บาท นางชลอยอมโอนที่ดินให้เป็นของนางกิมหลี ศาลแพ่งอนุญาตให้เป็นไปตามที่ตกลงกัน

โจทก์จึงฟ้องนางกิมหลีและนางชลอเป็นจำเลยในคดีนี้ว่าการที่จำเลยทั้ง 2 ตกลงกระทำไปตามสำนวนคดีแดงที่ 757/2491 ทำให้โจทก์เสียเปรียบและเสียหาย จึงขอให้ศาลแสดงว่า ที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างเป็นมรดกตกได้แก่นางกิมหลีจำเลย และนางเล็กคนละเท่า ๆ กัน ส่วนของนางเล็กตกได้แก่โจทก์ทุกคนและจำเลยที่ 2 คนละเท่า ๆ กัน โดยแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกันก่อน ถ้าไม่สามารถจะแบ่งได้ ก็ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน

นางกิมหลีต่อสู้ว่า จำเลยกับนางชลอได้ตกลงกันในคดีแดงที่ 757/2491 โจทก์ทราบดีแล้ว และจำเลยชำระเงิน 5,000 บาท ไว้ในคดีนั้นแล้ว โจทก์ชอบที่จะไปขอส่วนแบ่งมรดกจากนางชลอ

นางชลอให้การว่า ไม่ได้สมยอมกับนางกิมหลี

ศาลแพ่งเห็นว่า ไม่จำต้องสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดที่ 2479 เป็นมรดกนางเป้าตกได้แก่จำเลยที่ 1 และนางเล็กคนละครึ่ง การที่จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ผู้รับมรดกนางเล็กยอมความตกลงกันนั้น ไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นทายาทนางเล็กด้วย โจทก์จึงฟ้องขอให้แบ่งใหม่ได้ จึงให้ขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แบ่งออกเป็น 8 ส่วน ให้จำเลยที่ 1 ได้ 4 ส่วนโจทก์ทั้ง 3 และจำเลยที่ 2 ได้คนละ 1 ส่วน แต่ให้หักใช้ค่าธรรมเนียมในคดีนี้และค่าธรรมเนียมในคดีเลขแดงที่ 757/2491 ออกเสียก่อน

นางกิมหลีผู้เดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกันก่อนถ้าไม่ตกลงในการแบ่ง จึงให้ประมูล หรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน สำหรับค่าธรรมเนียมให้เอารวมกัน 2 คดี แล้วให้โจทก์กับจำเลยที่ 2 เสียครึ่งหนึ่ง จำเลยที่ 1 เสียครึ่งหนึ่งค่าทนายพับ

นางกิมหลีฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ทั้ง 3 กับจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกัน และเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย (เพราะครอบครองมรดกมาด้วยกัน ยังมิได้แบ่ง) การที่จำเลยที่ 1 ฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว มิได้ฟ้องโจทก์ผู้เป็นเจ้าของร่วมเข้ามาในคดีด้วย และจำเลยที่ 2 ผู้เดียวยอมความเอาทรัพย์ของคนนอกคดีที่ที่เขาเป็นเจ้าของร่วมไปแบ่งปันเอาเสียคนเดียวและยอมรับเงิน 5,000 บาท ตกลงโอนทรัพย์นั้นให้จำเลยที่ 1 ทั้งหมด โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ตามมาตรา 1361 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนจึงใช้ยันโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้ง 2 ในคดีนี้ได้ ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา

ปัญหาข้อ 2 คำว่า สิ่งปลูกสร้างตามฟ้อง ย่อมหมายถึงเรือนด้วยจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ไว้ประการใด จึงไม่มีประเด็นเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลรับฟังได้ ตามฎีกาที่ 218/2488

ในปัญหาเรื่องเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มนั้น จำเลยหาได้โต้แย้งว่า ราคาที่แท้จริงมีราคาสูงกว่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้อง การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้อง จึงเป็นราคาประมาณเพื่อเรียกค่าธรรมเนียม เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควรสงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้งจึงไม่มีการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มมานั้นเป็นการชอบแล้ว

จึงพิพากษายืน

Share