แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 กะทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกะทงหนึ่ง แต่ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี ดังนี้แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญาตามมาตรา 154 ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกะทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้างร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วย วิ.อาญามาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง 2 ฐานก็ชอบจะฎีกาได้ไม่ต้องห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันฆ่านายเทียมตายขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ สำนวนหนึ่ง กับฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายว่อนบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๕๖ อีกสำนวนหนึ่ง แล้วขอให้รวมพิจารณาจำเลยไม่คัดค้าน ศาลจึงอนุญาตระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๓ ตาย คดีจึงระงับเฉพาะตัวจำเลยที่ ๓
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานสมคบกันฆ่านายเทียมตาย และทำร้ายร่างกายนายว่อนถึงบาดเจ็บ พิพากษาลงโทษตามมาตรา ๒๔๙, ๒๕๔, ๖๓ ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลยไว้คนละ ๑๕ ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑-๒ ฎีกาขอให้ยกฟ้องทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา ๒๕๔ ให้จำคุกไม่เกิน ๒ ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง ๒ ให้รวมกะทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทาฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๑๘ หรือ ๒๒๐ เมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง ๒ ฐานเช่นนี้ ก็ชอบจะฎีกาได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา ๒ มาตรานั้น
ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังว่าจำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวทำร้ายร่างกายนายว่อน นอกนั้นฟังไม่ได้จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำคุกนายจรูญจำเลยที่๑ ตามมาตรา ๒๕๔ มีกำหนด ๒ ปี ข้อหาโจทก์นอกนี้ให้ยกเสีย ปล่อยจำเลยที่ ๒ ไป