แหล่งที่มา :
ย่อสั้น
พ.ร.ฎ.ออกตามความใน ป.รัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ.2540 มาตรา 3 บัญญัติให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมาตรา 4 บัญญัติให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 ในลักษณะ 2 แห่ง ป.รัษฎากร สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 3 ให้แก่ (1) บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าวบัญญัติให้ยกเว้นภาษีเงินได้ไว้เพียงสองกรณี คือ กรณีแรก ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย กรณีที่สอง ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีตามกรณีแรกให้แก่บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเท่านั้น เมื่อ บริษัท ท. ประกอบกิจการหลักเป็นผู้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจเรือเดินทะเล มีรายได้หลักคือเงินปันผล มิได้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับเงินปันผลจากบริษัท ท. จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 ดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินภาษีอากร 13,866.22 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อปี 2552 โจทก์ได้รับเงินปันผลจากบริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือทีทีเอ ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและเป็นผู้ประกอบกิจการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเรือเดินทะเลและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือโดยมีรายได้หลักเป็นเงินปันผล เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90) ปีภาษี 2552 แสดงรายได้จากเงินเดือนและเงินปันผลซึ่งรวมถึงเงินปันผลจากบริษัทดังกล่าว พร้อมขอคืนเงินภาษี 30,051.90 บาท แผ่นที่ 1 ถึง 33 หรือ ล.3 แผ่นที่ 1 ถึง 35 ต่อมาสรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 มีหนังสือแจ้งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ค.21) พร้อมเช็คเงินคืนภาษีส่งให้แก่โจทก์ โดยระบุว่า จำเลยอนุมัติจ่ายคืนเงินภาษีอากรแก่โจทก์จำนวน 22,900.68 บาท และให้เหตุผลว่า “คืนภาษีน้อยกว่าที่ขอเนื่องจากปรับปรุงเงินสนับสนุนการศึกษาเป็นเงินบริจาค กรอกเงินได้ประเภทเงินปันผลไว้ไม่ครบถ้วน” โจทก์มีหนังสือแจ้งสรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 ว่า ได้รับคืนเงินภาษีน้อยกว่าจำนวนเงินที่โจทก์ขอคืนตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเงิน 13,899.22 บาท และขอให้คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ และมีหนังสือถึงอธิบดีจำเลยขอหารือว่าเงินปันผลที่โจทก์ได้รับจากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ ซึ่งสำนักงานสรรพากรภาค 4 มีหนังสือตอบโจทก์ว่า หากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ.2540 ประกอบประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 72) ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 บริษัทย่อมได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและหากบริษัทจ่ายเงินปันผลให้แก่โจทก์ โจทก์จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย โจทก์ส่งสำเนาหนังสือของสรรพากรภาค 4 ดังกล่าวให้แก่สรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 ด้วย ต่อมาสรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 มีหนังสือชี้แจงไปยังโจทก์ว่า เหตุที่จำเลยคืนเงินภาษีให้แก่โจทก์น้อยกว่าที่ขอคืนเนื่องจากโจทก์ยื่นแบบแสดงเงินได้พึงประเมินประเภทเงินปันผลโดยไม่ได้นำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จำนวน 330 บาท และเงินปันผลจากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) จำนวน 67,150 บาท มารวมคำนวณภาษี ซึ่งบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการหลักคือเป็นผู้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจเรือเดินทะเลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ มีรายได้หลักคือเงินปันผล โดยมิได้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ เงินปันผลที่โจทก์ได้รับจากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การพิจารณาคืนเงินภาษีให้แก่โจทก์นั้นถูกต้องแล้ว โจทก์ทำคำอุทธรณ์ขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2552 และทำหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีจำเลย สรรพากรภาค 4 มีหนังสือที่ กค 0708.ก3/5713 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2553 ถึงโจทก์ว่า การพิจารณาคืนเงินภาษีกรณีโจทก์ของสรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยา 2 นั้นชอบแล้ว โจทก์ไม่เห็นด้วยจึงฟ้องเป็นคดีนี้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้พึงประเมินในส่วนที่เป็นเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ในทำนองว่า บริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) เป็นนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ.2540 ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับเงินปันผลจากบริษัทดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 314) พ.ศ.2540 มาตรา 3 บัญญัติว่า ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) ต้องใช้เรือที่จดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยในการขนส่งสินค้าดังกล่าว (2) ต้องมีคนประจำเรือที่มีสัญชาติไทยในอัตราส่วนที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย และมาตรา 4 บัญญัติว่า ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 3 ให้แก่ (1) บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวบัญญัติให้ยกเว้นภาษีเงินได้ไว้เพียงสองกรณี คือ กรณีแรก ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและใช้เรือไทยในการประกอบกิจการ กรณีที่สอง ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีตามกรณีแรกให้แก่บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า บริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการหลักเป็นผู้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจเรือเดินทะเลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ มีรายได้หลักคือเงินปันผล มิได้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับเงินปันผลจากบริษัททีทีเอ จำกัด (มหาชน) จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ