คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2511 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2512 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ยี่ห้อชาร์ป ราคา 2,200 บาทของโจทก์ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยจำเลยเช่าจากโจทก์ไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจริต …ฯลฯ… ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกมาพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2511 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2512 เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยบังอาจเบียดบังยักยอกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ยี่ห้อชาร์ป ราคา 2,200 บาทของโจทก์ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยจำเลยเช่าจากโจทก์ไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลบางคอแหลม อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร โจทก์ทราบการกระทำผิดของจำเลยเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2512 ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5), 161 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ในฟ้องต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ฯลฯ มาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ส่วนความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 บัญญัติว่า”ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ฯลฯ”

ปัญหาในคดีนี้มีอยู่ว่า ฟ้องโจทก์ดังกล่าวข้างต้นได้ระบุการกระทำของจำเลยครบถ้วนอันเป็นความผิดฐานยักยอกแล้วหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุการกระทำของจำเลยให้ชัดว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดที่โจทก์ถือว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share