คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052-1055/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันว่าโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง เมื่อ พ.ศ. 2512 และโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง จึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเคยให้คำรับรองว่าจะคืนที่ดินให้โจทก์ เจ้าพนักงานจดบันทึกให้จำเลยลงชื่อไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2514 การฟ้องคดีต้องนับตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีวันที่ 14 มกราคม 2515 ถือว่าโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 1 ปีตามกฎหมาย ดังนี้ ฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องโต้เถียงว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อวันที่15 มกราคม 2514. มิใช่ถูกแย่งการครอบครองเมื่อ พ.ศ. 2512ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ปัญหาที่ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อไร อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทได้หรือไม่ นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

คดีทั้ง 4 สำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่สำนวนบุกรุกที่ดินของโจทก์ เป็นเนื้อที่ 30 ไร่, 30 ไร่, 32 ไร่ และ 30 ไร่ ตามลำดับ ขอให้ขับไล่

จำเลยทั้งสี่สำนวนให้การว่า ที่ดินที่จำเลยครอบครองเดิมเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีโจทก์ขาดอายุความ

คู่ความตกลงกันเรื่องทุนทรัพย์ของแต่ละคดี คือ 4,500 บาท,4,500 บาท, 4,800 บาท และ 4,500 บาทตามลำดับ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองเมื่อ พ.ศ. 2512 จึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้ทุนทรัพย์แต่ละสำนวนไม่เกิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงให้รับฎีกาแต่ข้อกฎหมายในเรื่องที่จำเลยเคยรับรองต่อโจทก์และทางอำเภอว่าจะยอมคืนที่ดินให้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น จะทำให้โจทก์เรียกเอาที่พิพาทคืนหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเมื่อ พ.ศ. 2512และโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองจึงไม่มีสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเคยให้คำรับรองว่าจะคืนที่ดินให้โจทก์ เจ้าพนักงานจดบันทึกให้จำเลยลงชื่อไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2514 การฟ้องคดีต้องนับตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2514 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีวันที่ 14 มกราคม 2515 ถือว่าโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 1 ปี ตามกฎหมาย ได้พิเคราะห์แล้วฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องโต้เถียงว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2514 มิใช่ถูกแย่งการครอบครองเมื่อ พ.ศ. 2512 ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อที่ศาลชั้นต้นหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุสั่งรับฎีกาของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายนั้น ก็เป็นข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในเรื่องโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อไรนั่นเอง และข้อดังกล่าวนี้เป็นการฎีกาโต้เถียงว่า โจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2514 ปัญหาที่ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อไร อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทได้หรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ทั้งหมดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

พิพากษายกฎีกาของโจทก์

Share