คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้ลงโทษฐานความผิดต่อเสรีภาพนั้น สำหรับมาตรา 309 วรรคแรกจะต้องมีข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยได้ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ฯลฯ และสำหรับมาตรา 310 นั้น ก็จะต้องปรากฏว่าจำเลยได้มีเจตนา หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือทำให้ปรากฏตามฟ้องว่า โจทก์มีทางเข้าออกได้ แต่ไม่สะดวกและปลอดภัย เท่ากับทางเข้าออกทางประตู้เดิม ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ยังไม่พอแสดงถึงการกระทำของจำเลยอันจะเป็นผิดทางอาญาได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙, ๘๓, ๘๔, ๓๐๙ วรรค แรกและมาตรา
๓๑๐
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นมูลคดีขอให้เปิดทางเดิน ชอบที่จะไปบังคับกันในทางแพ่ง ไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญาและฟ้องเคลือบคลุมไม่รับประทับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยมีประชุมใหญ่การฟ้องขอให้ลงโทษทางอาญาฐานความผิดต่อเสรีภาพตาม มาตรา ๓๐๙ วรรคแรก จะต้องมีข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าจำเลยได้ข่มขืนใจโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ฯลฯ ความคิดของโจทก์ไม่ปรากฏว่า จำเลยได้กระทำอย่างใดในลักษณะเช่นนี้เลยและสำหรับมาตรา ๓๑๐ ต้องปรากฏว่า จำเลยได้เจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือทำให้ปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายตามฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยบังอาจปิดประตูรั้ว เหล็กยึดเอาโซ่ล่ามกุญแจ ไม่ปรากฏว่า จำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือทำให้ปราศจากเสรีภาพต่อร่างกายอย่างไรเลยกลับปรากฏว่ามีทางเข้าออกได้ เป็นแต่เพียงไม่สะดวกและปลอดภัยเท่ากับเข้าออกทางประตูเหล็กยืด ฟ้องของโจทก์ยังไม่พอแสดงถึงการกระทำของจำเลย อันจะรับพิจารณาเอาความผิดแก่จำเลยในทางอาญาตามที่โจทก์ขอได้
พิพากษายืน

Share