คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้ผู้คัดค้านที่ 1ภายในระยะเวลา 3 เดือน ก่อนที่จำเลยจะถูกฟ้องให้ล้มละลายก็ตาม แต่ปรากฏว่าจำเลยกับผู้คัดค้านที่ 1 ไม่เคยผูกนิติสัมพันธ์ที่มีผลบังคับได้ตามกฎหมายมาก่อน หรือผู้คัดค้านที่ 1 ได้ชำระค่าที่ดินไปแล้ว ผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้จำเลยขณะจดทะเบียนโอนขายที่ดินเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนโดยอาศัย พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 115 มิได้(วินิจฉัยตามแนวฎีกา 854/2534 ญ)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2528 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลายทางสอบสวนได้ความว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 25332 ตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อย(บางบัวทอง) จังหวัดนนทบุรี และโฉนดเลขที่ 11892 ตำบลหนองปรืออำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี รวม 2 โฉนด ต่อมาจำเลยได้โอนขายที่ดินทั้งสองแปลงให้ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งอยู่ในระหว่างระยะเวลา 3เดือน ก่อนมีการฟ้องให้จำเลยล้มละลาย หลังจากนั้นผู้คัดค้านที่ 1ได้โอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 25332 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 และโฉนดเลขที่ 11892 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 3 โดยโอนขายให้หลังจากที่มีการฟ้องให้จำเลยล้มละลายแล้ว การที่จำเลยโอนขายที่ดินดังกล่าวโดยมุ่งให้ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ขอให้เพิกถอนการโอนทั้งหมดให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ใช้ราคาพร้อมดอกเบี้ย
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้ซื้อที่ดินพิพาทมาด้วยความสุจริตและเสียค่าตอบแทน มิได้มุ่งหมายเพื่อจะให้ได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดที่ 25332 ระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2 และที่ดินโฉนดเลขที่ 11892 ระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 3 และให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ผู้คัดค้านที่ 1 ใช้ราคาที่ดินเป็นเงิน 287,270 บาท ให้ผู้คัดค้านที่ 2ร่วมรับผิดใช้เงิน 80,000 บาท และให้ผู้คัดค้านที่ 3 ร่วมรับผิดใช้เงิน 207,270 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันยื่นคำร้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 25332 ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านที่ 1 ด้วย และให้ยกคำร้องที่ให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 11892 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 1 มีฐานะเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามนัยแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ก่อนหรือแม้แต่ในขณะจดทะเบียนนิติกรรมโอนขายที่ดินพิพาทนี้ จำเลยและผู้คัดค้านที่ 1 มิได้กระทำการใดอันเป็นการผูกนิติสัมพันธ์ที่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีการชำระเงินค่าที่ดินจึงปราศจากมูลที่ผู้คัดค้านที่ 1 จะอาศัยอ้างกฎหมายบังคับให้จำเลยต้องปฏิบัติการชำระหนี้ใด ๆ ทั้งในการจดทะเบียนนิติกรรมรับโอนที่ดินพิพาทนั้น ผู้คัดค้านที่ 1 ได้ชำระค่าที่ดินหลังจากวันที่จดทะเบียนนิติกรรม ผู้คัดค้านที่ 1 จึงตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ตั้งแต่เริ่มแรกนิติกรรมซื้อขายมีผล ไม่มีทางจะอยู่ในฐานะเจ้าหนี้จำเลยไม่ว่าขณะใดกรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนได้
พิพากษายืน

Share