แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นขึ้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยอุทธรณ์และฎีกาขอให้วินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นด้วย โดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในศาลชั้นต้นอันเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะประเด็นตามอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิได้มีผลเกี่ยวกับทุนทรัพย์ในคดี จำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ชั้นศาลละ 200 บาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ มีนายสมบูรณ์ เกียรติเทพขจร เป็นผู้จัดการ และได้มอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ ดวงจักร ณ อยุธยา ฟ้องคดีนี้แทน จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดของโจทก์ ๒ ห้อง จำเลยในฐานะเจ้าของห้องชุดมีหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับของโจทก์ในอันที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการส่วนร่วมตามส่วนแห่งประโยชน์ที่มีต่อห้องชุดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นับแต่วันที่โจทก์เริ่มดำเนินการตลอดมาทุกเดือน จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๓๘ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๔๑ คิดเป็นเงิน ๔๑๘,๑๐๔ บาท โจทก์มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนหรือค่าปรับจากจำเลยในอัตราร้อยละ ๑.๒๕ ต่อเดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระ คิดเป็นเงิน ๙๖,๖๘๖.๖๔ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๕๑๔,๗๙๐.๖๔ บาท แก่โจทก์ พร้อมทั้งค่าสินไหมทดแทนหรือค่าปรับในอัตราร้อยละ ๑.๒๕ ต่อเดือน ของต้นเงิน ๔๑๘,๔๐๔ บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า นายสมบูรณ์ผู้จัดการของโจทก์ต้องดำเนินคดีด้วยตนเองภายใต้มติที่ประชุมใหญ่ของเจ้าของร่วม ไม่สามารถมอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ฟ้องคดีแทนได้เพราะขัดต่อข้อบังคับของโจทก์และพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้ชำระเงินล่วงหน้าและค่าใช้จ่ายส่วนกลางรายเดือนตั้งแต่วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๘ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๘ แก่โจทก์แล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าใช้จ่ายตามฟ้องเพราะโจทก์เรียกเก็บในอัตราที่มิได้เป็นไปตามข้อบังคับของโจทก์หรือมติของที่ประชุมใหญ่ที่มีการแก้ไขข้อบังคับและนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว โจทก์มิได้กำหนดกองทุน จำนวนเงินในกองทุน หลักเกณฑ์ วัน เวลา การชำระเงิน และระยะเวลาการชำระเงินของเจ้าของร่วมตามข้อบังคับของโจทก์ในหมวดที่ ๗ การเก็บค่าใช้จ่ายตามฟ้องจึงไม่ชอบ จำเลยไม่ต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายและค่าปรับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า นายสมบูรณ์ในฐานะผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ต้องฟ้องคดีด้วยตนเอง ไม่อาจมอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ฟ้องคดีแทนได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่า จำเลยผิดนัดชำระหนี้และต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด เป็นการไม่ชอบเพราะมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีให้ครบถ้วนนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นเห็นสมควรที่จะหยิบยกประเด็นข้อพิพาทข้อหนึ่งข้อใดขึ้นวินิจฉัยก่อน ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจกระทำเช่นนั้นได้ และเมื่อได้วินิจฉัยประเด็นข้อใดแล้วมีผลให้คดีเสร็จไปแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง สำหรับคดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามที่จำเลยให้การต่อสู้ และประเด็นข้อนี้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์ เท่ากับคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบเนื่องจากเสนอเข้ามาโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจ ประเด็นต่าง ๆ ตามคำฟ้องที่ไม่ชอบย่อมเป็นอันตกไปทั้งสิ้น ไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในศาลชั้นต้นอันเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะประเด็นตามอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิได้มีผลเกี่ยวกับทุนทรัพย์ในคดี จำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เพียงชั้นศาลละ ๒๐๐ บาท เท่านั้น และต้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนที่เกินมาให้แก่จำเลย
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนที่เกินกว่าชั้นศาลละ ๒๐๐ บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.