แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 เป็นเรื่องการทิ้งฟ้องมิใช่ทิ้งคำร้องขอถอนฟ้อง กรณีเรื่องถอนฟ้องมีบัญญัติไว้ในมาตรา 175 ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอถอนฟ้องและศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยฟังคำคัดค้านของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่จำเลยจะถือเอาว่าเมื่อโจทก์มิได้นำส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องให้จำเลยก่อนวันชี้สองสถานแล้ว เป็นการทิ้งคำร้องขอถอนฟ้องแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะขอถอนฟ้องนั้นไม่มีกฎหมายสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าวของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนร.ย. ๑๒๖๖๓ และเป็นนายจ้างของนายลุนคนขับรถคันดังกล่าว นายลุนได้ขับรถจากไหล่ถนนสุขุมวิทขึ้นไปบนผิวจราจรอย่างกระทันหันโดยไม่รอให้รถยนต์บรรทุกนักเรียนหมายเลขทะเบียน ร.ย. ๑๓๒๗๖ ซึ่งมีนายพานเป็นผู้ขับและกำลังแล่นอยู่บนผิวจราจรแล่นผ่านไปก่อน เป็นเหตุให้พุ่งเข้าชนรถบรรทุกนักเรียนตรงหลังที่นั่งคนขับอย่างแรง ทำให้เด็กนักเรียนถึงแก่ความตายและบาดเจ็บหลายคน เด็กหญิงดวงพรบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายด้วย การกระทำของนายลุนเกิดขึ้นด้วยความประมาทและทำในทางการที่จ้างของจำเลยซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะมิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กหญิงดวงพร จำเลยมิได้เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกร.ย. ๑๒๖๖๓ และมิได้เป็นนายจ้างของนายลุน เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของนายพาน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนวันชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จำเลยคัดค้านว่าไม่ควรอนุญาตให้ถอนฟ้อง เพราะจำเลยเสียหายอย่างยิ่ง
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โดยจำเลยฎีกาว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและมิได้นำสำเนาคำร้องดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันนัดชี้สองสถานคือวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๓ ต้องถือว่าโจทก์ทิ้งคำร้องขอถอนฟ้องไม่ประสงค์ขอถอนฟ้องอีกต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๒ และมาตรา ๑๗๔ และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดวันชี้สองสถานใหม่ในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ ศาลชั้นต้นจะต้องกำหนดประเด็นพิพาทไปทีเดียวจะหยิบยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่ไม่ได้นั้นพิเคราะห์แล้วปรากฏข้อเท็จจริงตามสำนวนคดีนี้ว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๓ ศาลชั้นต้นสั่งว่า “สำเนาให้จำเลย ฯลฯ”เมื่อถึงวันนัดชี้สองสถานในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๓ ปรากฏว่าโจทก์ ยังมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องให้จำเลย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเลื่อนการนัดพิจารณาคำร้องขอถอนฟ้องไปในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ จำเลยไม่คัดค้านคำสั่งนี้แต่อย่างใดต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านการถอนฟ้องในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๓ เมื่อถึงวันนัดพิจารณาคำร้องขอถอนฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเรื่องโจทก์ทิ้งคำร้องขอถอนฟ้อง ไม่ประสงค์ขอถอนฟ้องต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ นั้น ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องการทิ้งฟ้อง มิใช่ทิ้งคำร้องขอถอนฟ้อง กรณีเรื่องถอนฟ้องมีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๗๕ ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอถอนฟ้อง และศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้โดยฟังคำคัดค้านของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่จำเลยจะถือเอาว่าเมื่อโจทก์มิได้นำส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องให้จำเลยก่อนวันนัดชี้สองสถานแล้ว เป็นการทิ้งคำร้องขอถอนฟ้องแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะขอถอนฟ้องต่อไปนั้น ไม่มีบทกฎหมายสนับสนุนข้ออ้างของจำเลยดังกล่าว และการที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเลื่อนการชี้สองสถานไปและหยิบยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ขึ้นพิพากษานั้นปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้สั่งเลื่อนการนัดพิจารณาคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ครั้งแรกไปด้วย ที่จำเลยได้แถลงคัดค้านคำร้องของโจทก์ดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว แต่มิได้คัดค้านในเรื่องที่ศาลชั้นต้นเลื่อนการชี้สองสถานและการนัดพิจารณาคำร้องของโจทก์แต่อย่างใดและโจทก์ก็ได้จัดการนำส่งสำเนาคำร้องดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยชอบแล้วด้วย ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ขึ้นพิจารณาจึงชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาแล้ว
พิพากษายืน