แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยตกลง กันให้ถือ เอาผลการพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในคดีอื่นมาเป็นผลการตรวจ พิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ และได้ แถลงรับกันว่าผลการตรวจ พิสูจน์ลายมือชื่อในคดีดังกล่าว ปรากฏว่า ลายมือชื่อในเช็ค ไม่ใช่ลายมือของจำเลยที่ 2 ศาลจึงมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบกับพยานหลักฐานอื่นในสำนวนแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมายหรือขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 หลบหนีศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โดยฟังข้อเท็จจริงตรงกันว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ลงชื่อในเช็คพิพาท จำเลยที่ 2จึงมิได้กระทำความผิด จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้กระทำความผิดด้วยที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินในบัญชีอันจะพึงใช้ได้ในขณะออกเช็คนั้นอันเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยรับฟังผลการพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 158/2529 ของศาลชั้นต้นเป็นการมิชอบและขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น เห็นว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้ถือเอาผลการพิสูจน์ในคดีดังกล่าวมาเป็นผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 28 ตุลาคม 2529และคู่ความได้แถลงรับกันว่า ผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อตามคดีหมายเลขดำที่ 158/2529 ของศาลชั้นต้น ผลปรากฏออกมาว่าลายมือชื่อในเช็คไม่ใช่ลายมือของจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจที่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวประกอบกับพยานหลักฐานอื่นในสำนวนแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน.