แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นนายอำเภอปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบเป็นเหตุให้สมุห์บัญชียักยอกเงินหลวง และจำเลยได้รับสารภาพตามสิทธิเรียกร้องของกระทรวงการคลัง ยอมรับใช้เงินที่ขาดหายไปทั้งหมด และจำเลยได้ผ่อนใช้เงินจำนวนนี้บ้างแล้ว จึงขอให้จำเลยใช้เงินที่ขาดหายไปให้ครบ ดังนี้เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินที่ขาดหายไปตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการรับสภาพหนี้และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิดก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มีหนี้ก็ไม่อาจรับสภาพหนี้ หรือผ่อนชำระหนี้กันได้โดยชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลังให้ฟ้องจำเลย ตลอดเดือนสิงหาคมและกันยายน พ.ศ. 2489 จำเลยรับราชการในตำแหน่งนายอำเภอเมืองลำปาง ได้ปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบของกระทรวงการคลังในเรื่องการเก็บรักษาเงินของรัฐบาลโดยมิได้ถือกุญแจของตู้เซฟเก็บเงินและแสตมป์อากรของรัฐบาลไทยอำเภอเมืองลำปางด้วยตนเอง เป็นเหตุให้นายชิต สมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินและแสตมป์อากรไป 32.120 บาท 75 สตางค์ และจำเลยยอมรับใช้เงินจำนวนดังกล่าวไว้และผ่อนใช้แล้วเป็นเงิน 60 บาท จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินดังกล่าว ให้แก่กระทรวงการคลัง
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลจังหวัดลำปางพิจารณาแล้ว ฟังว่า จำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อไม่ได้รับสภาพหนี้ และไม่ได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงในระหว่างเกิดเหตุ จำเลยไปราชการท้องที่จึงมอบกุญแจกำปั่นให้ปลัดอำเภอรักษาจะว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ได้
เมื่อฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินและแสตมป์ที่โจทก์ฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการรับสภาพหนี้ และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิด ก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มีหนี้ก็ไม่อาจรับสภาพหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ได้โดยชอบ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน