คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นนายอำเภอปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบเป็นเหตุให้สมุห์บัญชียักยอกเงินหลวง และจำเลยได้รับสารภาพตามสิทธิเรียกร้องของกระทรวงการคลัง ยอมรับใช้เงินที่ขาดหายไปทั้งหมด และจำเลยได้ ผ่อนใช้เงินจำนวนนี้บ้างแล้ว จึงขอให้จำเลยใช้เงินที่ขาดหายไปให้ควบ ดังนี้ เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ต้อง รับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินที่ขาดหายไปตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการ รับสภาพหนี้และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิดก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มีหนึ้ก็ ไม่อาจรับสภาพหนี้ หรือผ่อนชำระหนี้กันได้โดยชอบ./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการคลังให้ฟ้องจำเลย ตลอดเดือนสิงหาคมและกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๙ จำเลยรับราขการในตำแหน่งนายอำเภอเมืองลำปาง ได้ปฏิบัติราชการฝ่าฝืนระเบียบของกระทรวงการคลังในเรื่องการ เก็บรักษาเงินของรัฐบาลโดยมิได้ถือกุญแจของตู้เซฟเก็บเงินและแสตมป์อากรของรัฐบาลไทย อำเภอเมืองลำปางด้วยตน เอง เป็นเหตุให้นายชิต สมุห์บัญชีอำเภอ ยักยอกเงินและแสตมป์อากรไป ๓๒,๑๒๐ บาท ๗๕ สตางค์ และจำเลยยอมรับใช้ เงินจำนวนดังกล่าวไว้และผ่อนใช้แล้วเป็นเงิน ๖๐ บาท จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินดังกล่าว ให้แก่กระทรวง การคลัง
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลจังหวัดลำปางพิจารณาแล้ว ฟังว่า จำเลยมิได้ประมาทเลินเล่อ ไม่ได้รับสภาพหนี้ และไม่ได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงในระหว่างเกิดเหตุ จำเลยไปราชการท้องที่ จึงมอบกุญแจกำปั่นให้ปลัดอำเภอรักษาจะว่าจำเลย ประมาทเลินเล่อไม่ได้.
เมื่อฟังว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์สำหรับเงินและแสตมป์ที่โจทก์ฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็น เรื่องการรับสภาพหนี้ และผ่อนชำระหนี้ตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป เพราะเมื่อไม่มีการละเมิด ก็ย่อมไม่มีมูลหนี้ และเมื่อไม่มี หนี้ก็ไม่อาจรับสภาพหนี้หรือผ่อนชำระหนี้ได้โดยชอบ. ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.

Share