แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายมาแต่ผู้เดียวเกิน1 ปี โดยทายาทอื่นมิได้เรียกร้องมรดกนั้นเสียภายใน
กำหนด 1 ปี ทรัพย์มรดกนั้นย่อมตกเป็นของทายาทผู้ครอบครอง และเมื่อทายาทผู้ครอบครองขายทรัพย์นั้นไปแก่
บุคคลภายนอก บุคคลภายนอกก็ย่อมจะใช้สิทธิของทายาทผู้นั้นได้ด้วย.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของนางแค ผู้เป็นอาโจทก์ จากจำเลย.
จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์มรดกของนายแคตกได้แก่นายถิงน้องนางแค โดยนายถิงครอบครองแต่ผู้เดียวเกิน ๑ ปี คดีขาด
อายุความแล้ว ต่อมานายถิงทำพินัยกรรม์ยกให้จำเลยและบุคคลอื่น. ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ที่พิพาทจะเป็นมรดกของนางแคแต่เดิมก็ดี แต่เมื่อนางแควายชนม์แล้วนายถิงได้เข้าครอบครอง
มาคนเดียวเกิน ๑ ปี โจทก์หาได้เข้าเกี่ยวข้องไม่ โจทก์มิได้เรียกร้องมรดกนางแคจากนายถิงเสียภายในกำหนด ๑ ปี ที่
พิพาทตกเป็นของนายถิงแต่ผู้เดียว หาใช่เป็นมรดกของนางแคต่อไปไม่ และในข้อ+อายุความนี้ แม้จำเลยจะมิใช่ทายาท
ของนางแคก็จริง แต่จำเลยเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจากนายถิงผู้เป็นทายาทของนางแค นางถิงมีสิทธที่จะยกอายุความขึ้นต่อสู้กับ
โจทก์ ดังนั้น จำเลยจึงเป็นบุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิของนายถิงยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้.
ฯลฯ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน.