แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอุทธรณ์การประเมินภาษีของอำเภอนั้น ให้อุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินก่อน แล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประ จำจังหวัด แต่ถ้าเป็นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินแล้ว ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดทีเดียว ถัดจาก นี้จึงให้อุทธรณ์ต่อศาล อย่างไรก็ตามในกรณีที่อำเภอประเมินภาษีนั้น แม้จะอุทธรณ์ข้ามเข้าพนักงานประเมินไป คืออุทธรณ์ตรงต่อข้าหลวงจังหวัดทีเดียวนั้น ถ้าข้าหลวงประจำจังหวัดรับวินิจฉัยให้แล้ว ก้ไม่น่าจะล้วงไปวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ข้ามเจ้าพนักงานประเมินไป เพราะได้ก้าวล่วงพ้นมาแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ่จำเลยที่ ๑ – ๒ ได้ประเมินเรียกเก็บภาษีโรงค้าจากโจทก์ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นเงิน ๓๖๐ บาท ดดยคิดค่า รายปีถึง ๙๐๐ บาทเกินไปกว่าที่โจทก์เคยเสีย ๒๑๖ บาท โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านต่อจำเลยที่ ๓ ๆ ได้สั่งยกอุทธรณ์ของ โจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าค่าภาษีรายปีสำหรับร้านค้าของโจทก์ควรเสียปีละ ๑๔๔ บาท ให้จำเลยคืนเงินที่เก็บเกิน ๒๑๖ บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้อุทธรณ์การประเมินภาษีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎา ฯลฯ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าโจทก์ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวล รัษฎากรมาตรา ๒๙ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า การอุทธรณ์การประเมินนั้นประมวลรัษฎรกรบัญญัติไว้หลายมาตราด้วยกันเช่น มาตรา ๑๘, ๒๐, ๒๙, ๓๐ เป็นต้น การอุทธรณ์การประเมินของอำเภอให้อุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินก่อน แล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำ จังหวัด แต่ถ้าเป็นการประเมินของของเจ้าพนักงานประเมิน ก็ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัด ถัดจากนี้จึงให้อุทธรณ์ ต่อศาล คดีเรื่องนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ – ๒ ได้ประเมินภาษีร้านค้าของโจทก์ ถ้าเป็นความจริงก็จำเต้องอุทธรณ์ต่อ จำเลยที่ ๓ ใช่แต่เท่านั้นแม้โจทก์จะได้อุทธรณ์ข้ามจำเลยที่ ๒ เสียก็ดี เมื่อจำเลยที่ ๓ รับวินิจฉัยให้แล้ว ก็จำต้องฟ้องศาล
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปความ./