คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ไม่มีหน้าที่ตรวจสั่งไม่รับเหมือนอย่างชั้นรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามความในมาตรา 232 การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบกรณีศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย และศาลชั้นต้นได้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์พ้นกำหนด 15 วัน ทั้งมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามมาตรา 234 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง จึงมีผลเป็นการยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามมาตรา 236 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 22,019,139.09 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 11,708,008.52 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดินตามโฉนดเลขที่ 179152 ตำบลสะพานสูง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และโฉนดเลขที่ 33870 ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินมาไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วน ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองเลื่อนคดีและงดสืบพยานจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การอุทธรณ์คำสั่งอันมีผลให้ยกเลิกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยทั้งสองไม่วาง จึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2547
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 อันเป็นวันเดียวกันกับที่จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์พ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง จึงไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมให้จำเลยทั้งสอง ต่อมาวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเนื่องจากเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 12 เมษายน 2547 ของจำเลยทั้งสอง การพิจารณาสั่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองดังกล่าวไม่ใช่อำนาจของศาลชั้นต้น แต่เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ฉบับนี้เสียเองจึงไม่ชอบ อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและเมื่อสำนวนคดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 12 เมษายน 2547 ของจำเลยทั้งสองไปเสียเลย เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ จึงถือว่าจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งในวันนั้นแล้ว ดังนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองเพิ่งยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 จึงเป็นการยื่นเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน ทั้งมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้เมื่อจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 แล้ว ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ไม่มีหน้าที่จะตรวจสั่งไม่รับเหมือนอย่างชั้นรับหรือไม่รับอุทธรณ์ตามความในมาตรา 232 การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงไม่ชอบ แต่อย่างใดก็ตามเมื่อจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบกรณีศาลชั้นต้นไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง และศาลชั้นต้นได้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่า คำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 จำเลยทั้งสองยื่นเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน ทั้งมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง จึงมีผลเป็นการที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองฉบับลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 ยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นโดยวินิจฉัยถึงเหตุเดียวกัน คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสองจึงฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share