คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือซึ่งเดิม ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์2526 แม้จะถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไปแล้วก็ยังคงมีสภาพเป็นเช็คที่สามารถโอนเปลี่ยนมือกันต่อไปได้ ทั้งตาม ป.พ.พ.มาตรา 1007 วรรคแรก และวรรคสาม ก็ได้บัญญัติให้ผู้สั่งจ่ายสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาใช้เงินในเช็คได้ ดังนั้นเมื่อจำเลยผู้สั่งจ่ายเป็นผู้ขีดฆ่าแก้ไขวันที่ลงในเช็ค จึงต้องผูกพันรับผิดชดใช้เงินตามเช็คดังกล่าว โดยถือว่าเช็คพิพาทมีกำหนดเวลาใช้เงินในวันที่ 15 ตุลาคม 2526 ตามที่แก้ไขนั้นกรณีหาใช่เป็นเรื่องตกลงขยายอายุความฟ้องร้องไม่ โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาทจากจำเลย เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2527ยังไม่พ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงมิใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง เช็คตามฟ้องลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 มิใช่ลงวันที่ตามที่โจทก์อ้างและบุคคลที่รับเช็คจากจำเลยก็ใช้สิทธิเรียกร้องตามวันที่ระบุไว้ในเช็คแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเฉพาะประเด็นที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 40,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 17ตุลาคม 2526 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาเพียงว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ คดีนี้ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณืได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คเงินสดเดิมลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 เมื่อถึงกำหนดใช้เงินถูกนำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาจำเลยเป็นผู้ขีดฆ่าวันเดือนและปีที่เขียนไว้เดิม และเขียนวันเดือนและปีใหม่เป็นวันที่ 15 ตุลาคม 2526 โดยจำเลยลงชื่อกำกับการแก้ไขไว้ด้วย โจทก์ได้นำเช็คพิพาทที่แก้ไขวันที่แล้วไปเรียกเก็บเงินอีกครั้งก็ถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาทจากจำเลยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2527 เห็นว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คเงินสดหรือเช็คผู้ถือซึ่งเดิมลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 แม้จะถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไปแล้วก็ยังคงมีสภาพเป็นเช็คที่สามารถโอนเปลี่ยนมือกันต่อไปได้ จึงเป็นเช็คที่ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมายทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1007 วรรคแรกและวรรคสามก็ได้บัญญัติให้ผู้สั่งจ่ายสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาใช้เงินในเช็คได้ดังนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ขีดฆ่าแก้ไขวันที่ลงในเช็คพิพาทจึงต้องผูกพันรับผิดชดใช้เงินตามเช็คดังกล่าว โดยถือว่าเช็คพิพาทมีกำหนดเวลาใช้เงินในวันที่ 15 ตุลาคม 2526 ตามที่แก้ไขนั้น กรณีหาใช้เป็นเรื่องตกลงขยายอายุความฟ้องร้องดังที่จำเลยฎีกาไม่เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาทจากจำเลยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2527 โดยระบุว่าจำเลยออกเช็คเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2526 ซึ่งยังไม่พ้นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงินเช่นนี้ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ…”
พิพากษายืน.

Share