แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การรับรองอุทธรณ์ว่า มีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้ง ฉะนั้น คำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า “ให้รับเป็นฟ้องอุทธรณ์” เฉยๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท กับชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 15 บาทแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่า เช่าเพื่ออยู่อาศัย ไม่เคยผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องพิพาทกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 15 บาทนับแต่วันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งให้รับเป็นฟ้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมาอ้างว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์จำเลยแล้วนั้น ย่อมเป็นคำรับรองอยู่ในตัวว่ามีเหตุอันสมควรที่อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ด้วย ไม่จำต้องมีคำรับรองเป็นพิเศษอีก จึงเป็นการรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ จึงเป็นการมิชอบ
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องฎีกาจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาจำเลยเกี่ยวกับการรับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาจำเลยในข้อนี้
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของ
จำเลยนั้นเป็นการรับรองอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริงด้วยหรือไม่เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ ค่าเสียหายที่ขอให้ชดใช้เป็นรายเดือนเท่าอัตราค่าเช่าเพียงเดือนละ 15 บาท ไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เว้นแต่จะมีพฤติการณ์บางอย่างดังบัญญัติยกเว้นไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เท่านั้น เฉพาะที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับคดีนี้คือ ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้นั้น จะเป็นการรับรองอุทธรณ์ของจำเลยว่ามีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วยหรือไม่เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการรับรองอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้ง ได้พิเคราะห์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยแล้ว มีข้อความเพียงว่า “ให้รับเป็นฟ้องอุทธรณ์” เฉย ๆ เท่านั้น ไม่มีข้อความแสดงให้เห็นว่าเป็นการรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ด้วยเลย จึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224อันจะทำให้ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีนี้มาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงให้จึงชอบแล้วข้อโต้แย้งของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน