คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีเรื่องใช้ราคาทรัพย์(ราคากระบือ) ในความผิดฐานรับของโจรนั้น เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยไม่ได้สมคบในการได้กระบือนั้นมา เป็นแต่ได้รับส่วนแบ่งเนื้อกระบือบางส่วนเมื่อตายแล้ว และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับไปเท่าใดเป็นราคาเท่าใด ดังนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ราคากระบือทั้งหมด จะแบ่งให้จำเลยใช้ตามส่วนเนื้อกระบือที่ได้รับไปก็ไม่ได้เพราะคำนวณไม่ได้ว่าเป็นจำนวนและราคาเท่าใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1, 2 จับกระบือของนายเนียร 1 ตัวที่พลัดหายได้แล้วบังอาจสมคบกันยักยอกกระบือไว้แล้วสมคบกันฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสียอากรตามกฎหมาย ในวันเดียวกัน จำเลยที่ 3 ถึง 12 สมคบกันรับเอาเนื้อกระบือที่จำเลยที่ 1, 2 ได้ยักยอกและฆ่าโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318, 321 พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2496 มาตรา 4 และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยทั้ง 12 คนปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีฟังได้แต่เพียงว่า กระบือของผู้เสียหายเข้ามากินข้าวในไร่ของนายลีนายบุดดี จำเลย ๆ ทั้ง 2 (1-2) ช่วยกันจับได้ จำเลยที่ 1 โกรธเลยแทงตายแล้วจำเลยทั้งสองนี้ก็ไปบอกจำเลยอื่นมาช่วยกันชำแหละเนื้อเอาไปกิน ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความยังไม่พอฟังว่าจำเลยลักหรือยักยอกเก็บของตกของหายดังโจทก์ฟ้อง จำเลยไม่ได้ได้มาซึ่งทรัพย์นั้น หากเป็นการทำลายทรัพย์นั้นเสียทีเดียว ส่วนที่ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองนี้จะเข้าบทเป็นความผิดฐานอื่นหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะโจทก์มิได้ฟ้อง คดียังลงโทษจำเลยทั้งสองฐานยักยอกเก็บของตกไม่ได้แต่ในฐานข้อหาฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ฟังได้ดังฟ้องส่วนจำเลยที่ 3 ถึง 12 ฟังไม่ได้ว่ากระทำผิดตามฟ้อง (ฐานรับของโจร) พิพากษาว่านายบุดดีจำเลยที่ 1 นายลีจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอากรฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2496 มาตรา 4 ให้ปรับเรียงตัวผู้กระทำผิดและเรียงตัวสัตว์ที่ถูกฆ่า โดยปรับคนละ 60 บาท ฯลฯ จำเลยที่ 3 ถึง 12 ให้ยกฟ้องปล่อยตัวไป ที่ขอให้ใช้ราคาทรัพย์ให้ยกเสีย

โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเรื่องยักยอกของตกหายนั้นต้องเป็นของหายจริง ๆ เรื่องนี้เป็นคนละเรื่อง ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฆ่าและเอาเนื้อกระบือไป จึงมิใช่เรื่องยักยอกเก็บของตกของหายและมิจำต้องวินิจฉัยความผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งโจทก์มิได้ฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 3 ถึง 12 นั้น ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ได้ดีว่า กระบือที่ชำแหละเอาไปกินนั้นเนื้อกระบือมิใช่เป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 1-2 เป็นของผู้อื่นจึงมีความผิดฐานรับของโจรพิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 3 ถึง 12 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 321 ให้จำคุก 15 วันแต่ให้รอการลงโทษไว้ ฯลฯ นอกจากนี้คงยืน

โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าจำเลยที่ 1, 2 จะมีความผิดฐานยักยอกเก็บของตกหรือไม่ และฎีกาในข้อที่ให้จำเลยใช้ทรัพย์

โจทก์ส่งสำเนาฎีกาให้นายทิพย์จำเลยที่ 6 ได้แต่ผู้เดียวจำเลยอื่น ๆ 11 คนส่งให้ไม่ได้ ศาลฎีกาจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ส่งสำเนาไม่ได้เสียคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะว่าจำเลยผู้นี้ (จำเลยที่ 6) จะต้องใช้ค่าเสียหายอย่างไรหรือไม่เท่านั้น

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความจากพยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 6 นี้ได้สมคบในการได้กระบือรายนี้มาเป็นแต่ได้รับส่วนแบ่งเนื้อกระบือบางส่วนเมื่อตายแล้ว จะให้นายทิพย์จำเลยรับผิดในการใช้ราคากระบือทั้งหมดหาชอบไม่ จะแบ่งให้ใช้ตามส่วนของเนื้อกระบือที่ได้รับก็ไม่ปรากฏว่าได้รับไปเท่าใด

พิพากษายืน

Share